Top 5 ของบริษัทอสังหาฯ ที่ทำรายได้สูงสุดภายใต้ภาวะวิกฤติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2563
ปี 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องฟันฝ่าวิกฤติจากมหันตภัยไวรัสโควิด-19 ชนิดที่เรียกว่า แต่ละบริษัทต้องปรับกลยุทธ์กันทุกกระบวนท่า เพื่อรับมือกับวิกฤติที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน บางรายก็ประคองตัวฝ่ามรสุมออกมาได้ บางรายทำได้ดีกว่าที่คาดคิด ขณะที่อีกหลายรายบาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงเจ็บหนักต้องพักรักษาตัวรอจังหวะฟื้นกลับมาอีกครั้ง
ศึกครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนจากวิกฤติอีกครั้งที่ต้องบันทึกเอาไว้ และนี่คือผลงานในปี 2563 ของบริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกว่า 30 บริษัท ใครบ้างคือผู้ชนะไปติดตามกันครับ
กำไรบริษัทอสังหาฯวูบ 41%
Property Mentor ได้รวบรวมตัวเลขผลการดำเนินการของ 33 บริษัทอสังหาฯที่มี core business เป็นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โดยพบว่า ในปี 2563 ทั้ง 33 บริษัทมีรายได้รวมกันอยู่ที่ 306,717 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 342,868 ล้านบาท อยู่ที่ -11% ซึ่งก็ถือว่า ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
ยิ่งเมื่อดูเฉพาะตัวเลขรายได้จากการขายบ้าน-คอนโดเพียวๆ ตัวเลขลดลง -6% เป็นอะไรที่ยอมรับได้ เมื่อเทียบกับขนาดของวิกฤติที่ใหญ่โตไปทั่วทั้งโลก โดยในปี 2563 ทั้ง 33 บริษัทมีรายได้จากการขายบ้านและคอนโดรวมกัน 271,383 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2562 ทำรายได้จากการขายได้ 289,156 ล้านบาท (-6%)
แต่ที่น่าตกใจ แต่ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายก็คือส่วนของกำไรสุทธิที่ทำกันได้รวม 28,945 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิรวมที่ 49,236 ล้านบาท กำไรโดยรวมลดลงไปถึง 41% ทีเดียว นั่นเป็นเพราะแต่ละบริษัทเล่นเกมหนีตายขายลดราคากันแบบจัดหนัก แบบทั่วๆ ไปต้องมีส่วนลด 20-30% หรือบางรายจัดกันไปถึง 40-50% ตามสภาวะความจำเป็นของแต่ละบริษัท
ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิโดยเฉลี่ยของบริษัทอสังหาฯร่วงลงมาอยู่ที่ 9% กว่าๆ จากปีที่แล้วอยู่ที่ 14% ขณะที่ในยุครุ่งๆ อัตรากำไรสุทธิในธุรกิจอสังหาฯต้องพูดกันที่หลัก 20% อัพอัพ
สะท้อนภาพรวมของตลาดในช่วงเวลานี้ได้เป็นอย่างดีว่าธุรกิจอสังหาฯอยู่ในภาวะชะลอตัว พร้อมกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรง เพื่อระบายสต๊อกที่แบกเอาไว้ โดยเฉพาะในตลาดคอนโดที่ยังคงต้องล้างสต๊อกกันไปอีกทั้งปีนี้และปีหน้า การที่ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ วิกฤติจากไวรัสโควิด-19 ต้องเริ่มคลี่คลายจนมีการเปิดประเทศให้มีการเดินทางเข้าออก ซึ่งรัฐบาลตั้งธงเอาไว้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 หลังจากนายกฯฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็นการปลุกขวัญและกำลังใจไปแล้วเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตามมา ภาคอสังหาฯถึงจะได้ขยับ ซึ่งในปีหน้าถึงจะเริ่มเห็นภาพชัดว่าปลายอุโมงค์อยู่ตรงไหน
แสนสิริ แชมป์รายได้สูงสุด
มาต่อกันที่ Top 5 ในตลาดของปี 2563 บริษัทที่มียุทธวิธีที่โดดเด่นที่สุด ก็คือ แสนสิริ การชิงลงมือก่อน คิดเร็ว ตัดสินใจเร็ว ด้วยกลยุทธ์ speed to market และอยู่ฟรี 24 เดือน ทำให้แสนสิริมีรายได้รวมเป็นอันดับ 1 ที่ 34,707 ล้านบาท ล้มแชมป์เก่าในปี 2562 อย่างพฤกษา โฮลดิ้ง ไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก อ่านเพิ่มเติม…Speed to Market กลยุทธ์ รับ-รุก-เร็ว สไตล์ แสนสิริ
ส่วนอันดับ 2 ตกเป็นของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มียอดขายรวม 31,058 ล้านบาท รักษาความเป็น No.2 เอาไว้ได้ แบบนิ่งๆ เนียนๆ ด้วยพอร์ตบ้านแนวราบในมือที่สอดรับกับพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับสินค้าที่รองรับกลุ่มกลาง-บนเป็นฐานหลัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรียลดีมานด์ที่มีสถานะทางการเงินที่มั่นคงทำให้แลนด์ยังคงครองตำแหน่งอันดับ 2 เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา อ่านเพิ่มเติม…แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เปิดสูตรลงทุนอสังหาฯปี 64
อันดับที่ 3 คือ เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้รวม 29,959 ล้านบาท โดยเอาชนะอันดับ 4 อย่างพฤกษา โฮลดิ้งได้อย่างเฉียดฉิว ทั้งนี้เอพีโดดเด่นในแง่ของการบริหารจัดการภายในองค์กรควบคู่ไปกับการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคภายใต้เป้าหมาย EMPOWER LIVING ซึ่งจะว่าไปแล้ว หากรวมรายได้จากโครงการร่วมทุนในปีที่ผ่านมา เอพี จะมีรายได้รวมถึง 46,130 ล้านบาท เป็นเบอร์ 1 ของตลาดในแง่ของรายได้รวม อ่านเพิ่มเติม…อนุพงษ์ อัศวโภคิน ไขความลับสู่ความสำเร็จ เอพี ไทยแลนด์
พฤกษา โฮลดิ้ง ตกบัลลังก์
อันดับ 4 เป็นของแชมป์เก่า พฤกษา โฮลดิ้ง มีรายได้รวมในปี 2563 อยู่ที่ 29,513 ล้านบาท ตกลงจากที่เคยทำได้ในปี 2562 ที่ 40,152 ล้านบาท ถือเป็นปีที่ต้องตั้งหลักกันใหม่สำหรับพฤกษา ทั้งแง่ของการปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูง การปรับทิศทางการดำเนินงานใหม่ในหลายๆ เรื่องให้รับกับสภาพการแข่งขันที่ต้องเบียดบี้กันทุกตลาด ทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งคงต้องรอจังหวะกลับมาทวงบัลลังก์ในปีต่อๆ ไป อ่านเพิ่มเติม…ปิยะ ประยงค์ แม่ทัพคนใหม่ ‘พฤกษา’ กับภารกิจนำองค์กรตีฝ่าวิกฤติโควิด-19
อันดับ 5 ได้แก่ ศุภาลัย มีรายได้รวม 20,969 ล้านบาท เอาชนะอันดับ 6 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ที่ตามมาอย่างกระชั้นชิด แถมยังต้องลุ้นกันเหนื่อยในโค้งสุดท้ายที่ต้องเร่งโอนคอนโดบิ๊กล๊อต เพื่อไล่ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 24,000 ล้านบาท สุดท้ายมาจบที่ 20,969 ล้านบาท แม้จะพลาดจากเป้า แต่ก็สามารถยึดพื้นที่ Top 5 ในอันดับสุดท้ายเอาไว้ได้ อ่านเพิ่มเติม…ศุภาลัย มั่นใจปี 64 ทำ new high
ส่วนอันดับ 6-10 ได้แก่ 6.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) มีรายได้รวม 20,017 ล้านบาท 7.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น 18,977 ล้านบาท 8.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 12,344 ล้านบาท 9.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 11,114 ล้านบาท และ 10.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ 10,895 ล้านบาท
Top 5 บริษัทอสังหาฯ ขายเก่ง
กลับมาที่ Top 5 ของรายได้จากการขายบ้าน-และคอนโด ในปี 2563 เพื่อที่จะบอกว่า ใครคือตัวจริงเสียงจริงในตลาดที่อยู่อาศัยเพียวๆ โดยไม่มีรายได้อื่นๆ มาเจือปน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ปีนี้เป็นปีของแสนสิริที่เป็นเบอร์ 1 ของรายได้จากการขายด้วยเช่นกัน โดยสามารถทำรายได้จากการขายไปได้ 30,559 ล้านบาท
ส่วนอันดับ 2 เป็นของ แชมป์เก่า พฤกษา โฮลดิ้ง ที่สามารถทำรายได้จากการขายไปได้ 29,244 ล้านบาท ชนิดที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว และไล่จี้มาติดๆ ด้วยอันดับ 3 เอพี (ไทยแลนด์) ที่มีรายได้จากการขายรวม 28,949 ล้านบาท อันดับ 4 เป็น แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 27,481 ล้านบาท และอันดับ 5 ได้แก่ ศุภาลัย มีรายได้จากการขายตามมาห่างๆ ที่ 20,336 ล้านบาท
ขณะที่อันดับ 6-10 ได้แก่ 6. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น มีรายได้จากการขาย 18,120 ล้านบาท 7.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) 14,112 ล้านบาท 8.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ 10,464 ล้านบาท 9.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 10,206 ล้านบาท และ 10.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 9,870 ล้านบาท
แลนด์ฯแชมป์โกยกำไรกระเป๋าตุง
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด มาดูกันที่กำไรสุทธิที่ทำได้กันในปี 2563 บริษัทที่สามารถเก็บสตางค์ใส่กระเป๋ากลับบ้านได้มากที่สุด อันดับ 1 ได้แก่ แชมป์เก่า แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิในปี 2563 อยู่ที่ 7,122 ล้านบาท ขณะที่อันดับ 2 ก็เป็นของรองแชมป์เก่า ศุภาลัย ทำกำไรไปได้ 4,327 ล้านบาท เฉือนอันดับ 3 เอพี (ไทยแลนด์) ที่มีกำไรสุทธิ 4,225 ล้านบาท ส่วนอันดับ 4 ได้แก่ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) มีกำไร 2,978 ล้านบาท โดยมีอันดับ 5 พฤกษา โฮลดิ้ง ไล่บี้มาติดๆ ที่ 2,827 ล้านบาท
ส่วนอันดับ 6-10 ได้แก่ 6.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีกำไรสุทธิ 2,764 ล้านบาท 7.ควอลิตี้เฮ้าส์ 2,123 ล้านบาท 8.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น 1,888 ล้านบาท 9.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ 1,878 ล้านบาท และ10.แสนสิริ 1,458 ล้านบาท
ขอปิดท้ายด้วยบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรได้สูงสุด โดยมีอัตรากำไรสุทธิ (net profit margin) ในปี 2563 เป็นตัวชี้วัด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ มีอัตรากำไรสิทธิอยู่ที่ 24.64% 2.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 22.72% 3.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 22.52% 4.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ 21.02% 5.ศุภาลัย 20.27% 6.ควอลิตี้เฮ้าส์ 19.47% 7.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ 17.1% 8.ไซมิส แอสเสท 14.9% 9.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) 13.62% และ 10.เอพี (ไทยแลนด์) 13.25%
ติดตามช่อง Property Mentor Chanel ทาง YouTube
Property Mentor Line Official: https://lin.ee/nE9XYOo4