ศุภาลัย กางแผนรุกตลาดบ้าน-คอนโดปี 64 ชี้โควิดรอบ 2 กระทบระยะสั้น เตรียมเปิด 31 โครงการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านบาท รับตลาดคอนโดเริ่มฟื้นตัวด้วย 4 โครงการใหม่ มั่นใจปีนี้นิวไฮทั้งรายได้-กำไร
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยปี 2564 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปี 2563 และจะกลับสู่ภาวะปกติในเวลาไม่นาน จากการปรับตัวเข้าสู่ยุค New Normal ในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 หลายบริษัทต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปีที่แล้ว สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว และธุรกิจการบิน ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากกำลังซื้อในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และกำลังซื้อต่างชาติที่หายไปทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบ ขณะที่บ้านจัดสรรถือว่ายังดีอยู่ โดยศุภาลัยได้มีการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพการเติบโต โดยมีจุดแข็งด้านสถานะการเงิน จึงมีความสามารถในการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทก้าวสู่ปีที่ 32 จะยังเปิดโครงการใหม่ที่ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค รวมทั้งเดินหน้าลงทุนในทำเลใหม่ๆ ที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกวัย และมุ่งเน้นเจาะตลาด “เรียลดีมานด์” หรือกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เพราะลูกค้าในกลุ่มนี้ เมื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้ว มักจะดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ตามกำหนด ลดความเสี่ยงในการทิ้งดาวน์ จึงเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ
นอกจากนี้ บริษัทมีความพร้อมทางต้นทุนทางการเงิน จากอันดับเครดิตองค์กรจาก ทริสเรทติ้ง ระดับ A สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโต และมีแนวโน้มในการสร้างรายได้ และกำไรของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ถือว่าบริษัทมีภาระหนี้สินที่ต่ำที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมและต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า 1.9% ต่อปี
ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2563 ถือเป็นอีกปีที่มีความท้าทาย แต่บริษัทก็สามารถก้าวผ่านมาได้อย่างมั่นคง ด้วยความพร้อมทางต้นทุนทางการเงิน และการบริหารความเสี่ยง เพื่อปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอก ทำให้ผลงานในปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ โดยในปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม รวม 28 โครงการ มูลค่ารวม 24,540 ล้านบาท มียอดขายรวม 24,376 ล้านบาท
ตลาดที่อยู่อาศัยในปีที่ผ่านมาถือว่าติดลบเยอะมาก แต่คิดว่าจุดต่ำสุดผ่านไปแล้ว ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิดเริ่มฟื้นตัวกลับมา แม้ว่าอาจจะชะลอตัวอีกครั้งในช่วงโควิดรอบบาดรอบใหม่ แต่ก็เชื่อว่าความต้องการซื้อจะเริ่มค่อยๆ ฟื้นกลับมา โดยในปีนี้ถือเป็นปีที่เหมาะสมกับการซื้อที่อยู่อาศัยนอย่างแท้จริง ทั้งดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ มาตรการรัฐที่เข้ามาช่วย รวมถึงการจัดโปรโมชั่นของผู้ประกอบการ
ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมที่ชะลอตัวไป เชื่อว่าปีนี้จะกลับมาแน่ โดยจะกำลังซื้อได้ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าพร้อมอยู่ ขณะที่โครงการเปิดใหม่จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้วหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับการดำเนินธุรกิจ และกลยุทธ์สำคัญของบริษัทในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเอาไว้ 27,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 28,000 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 31 โครงการ แบ่งเป็น โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ 27 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 34,000 ล้านบาท และกำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท
“คาดว่าปี 2564 จะเป็นอีกปีที่บริษัทมีการเติบโตทางด้านรายได้ และกำไร แบบ New High จากโครงการคอนโดสร้างเสร็จพร้อมโอนที่รอรับรู้รายได้จำนวนมาก และเชื่อว่าโครงการแนวราบจะมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องเช่นกัน” นายไตรเตชะกล่าว
อ่านประกอบ:
-บิ๊กอสังหาฯกระหน่ำโปรฝ่าวิกฤติ โควิดรอบ 2
Property Mentor Line Official: https://lin.ee/nE9XYOo4
