fbpx
เปิดคฤหาสน์หรูริมทะเลสาบ 23

อนุพงษ์ อัศวโภคิน ไขความลับสู่ความสำเร็จ เอพี ไทยแลนด์

ในปี 2563 เอพี ไทยแลนด์ สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยรายได้สูงสุด 4.6 หมื่นล้านบาท ก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยได้อย่างเต็มตัว ที่สำคัญคือ เป็นการสร้างรายได้สูงสุดในภาวะที่ต้องเผชิญกับวิกฤติที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 อะไรคือหัวใจแห่งความสำเร็จของ เอพี ไทยแลนด์ วันนี้ นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) จะมาเล่าให้ฟัง


 

อนุพงษ์ อัศวโภคิน

นายอนุพงษ์ ได้กล่าวในงานแถลงแผนการดำเนินการประจำปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่เอพีครบรอบ 30 ปี ในการดำเนินงานของบริษัท โดยพูดถึงกลยุทธ์สำคัญที่นำพาเอพีฝ่าวิกฤติมายืนอยู่อยู่บนจุดสูงสุดได้ โดยระบุว่า… 

เวลานี้ถือเป็นอีกช่วงสำคัญหนึ่งในหน้าประวัตศาสตร์ วิกฤติโควิด-19 ได้สร้างบททดสอบ และบทเรียนหลายๆ ประการให้กับเราทุกคนในโลก วันนี้เราต่างยังคงต้องวนเวียนอยู่กับสภาวะความปั่นป่วนจากวิกฤติที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่นี้ ทั้งความผันผวนทางภาคเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ตลอดจนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ที่ต่างไปจากเดิมและที่ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม

การมาของวัคซีนแน่นอนว่าคือ ความหวัง แต่หนทางเดินเพื่อให้ไปถึงแสงแห่งความหวังนั้นยังอีกยาวไกล สิ่งที่เราทุกคนต้องระวังมากที่สุดตอนนี้คือ ‘Ripple Effect’ หรือปรากฎการณ์ระลอกคลื่น ที่ศูนย์กลางก็คือความเสียหายทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเวลาในการฟื้นตัวที่ต้องลากยาวออกไปอีกหลายปี

มีการคาดการณ์ออกมาว่าเศรษฐกิจไทยจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีก่อนที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม จะกลับสู่ภาวะก่อนการแพร่ระบาด ขณะที่โมเดลจำลองแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงสมุมติฐานว่าปี 2570 คือปีที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับไปสู่แนวโน้มเดิม

แต่อย่างไรก็ดี นั่นคือการคืนกลับในเชิงตัวเลขเท่านั้น ความน่ากลัวที่แฝงอยู่คือ วิธีการทุกอย่างที่เราเคยทำและเรียนรู้มาจะเปลี่ยนไป และจะยังคงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นแปลว่าจากวันนี้ไปอีกหลายปี เรายังคงต้องเผชิญอยู่กับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากวิกฤติเปลี่ยนโลกรอบนี้

เราต้องพร้อมที่จะรับกับกติกาโลกที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา เราต้องไม่ย่อท้อ และพร้อมที่จะก้าวเดินต่อ ไม่หยุดที่จะพัฒนา ตามการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้คงอยู่และเติบโตได้อย่างมั่นคง

มีข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงานของ McKinsey ได้ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมา เช่น

•*อัตราการใช้ e-Commerce ของร้านค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่เคยคาดว่าต้องใช้เวลาอีก 5 ปีจึงจะแตะระดับ 24% ปรากฏว่าวิกฤตโควิด-19 ได้ผลักดันให้พุ่งสูงถึง 33% ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว *

•**นอกจากนี้ จากรายงานของ “We Are Social” ล่าสุด ระบุว่า “ประเทศไทยของเรา ครองแชมป์การทำธุรกรรมการเงินผ่านโมบายแบงกิ้ง เป็นอันดับ 1 ของโลก” สูงถึง 68.1% ต่อเดือน

นี่คือตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่ถ้าใครก้าวตามไม่ทันก็ ก็คงจะไม่สามารถคงอยู่ได้

เมื่อสถานการณ์ของโลกและประเทศไทยเป็นอย่างนี้แล้ว เอพี ในทศวรรษที่ 3 จะก้าวต่ออย่างแข็งแกร่งอย่างไร

ถ้าจะเปรียบเทียบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็คงไม่ต่างจากการที่เราอยู่ในเรือที่กำลังฝ่ามรสุมที่รุนแรง สิ่งที่จะทำให้เราผ่านพ้นมรสุมนี้ไปได้ ก็คือการที่เราจะต้องรู้ว่า เรือจะต้องแล่นไปในทิศทางใดที่ถูกต้อง เรือมีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมจะฝ่าฟันไปในทิศทางที่เราต้องการ และสุดท้าย คือความสามารถและการร่วมมือของบุคลากรในเรือลำนั้นทีจะใช้เครื่องมือนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ

อนุพงษ์ อัศวโภคิน

ทิศทางสำหรับบริษัทก็คือ Vision/Mission ขององค์กร ถ้าจำกันได้ผมเคยบอกว่า Vision/Mission ของ AP ที่ตอนนั้นเราทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย Stanford ก็คือการ “Provide quality of life” – สร้างและจัดหาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้า แต่หลังจากนั้นเราพบว่าคุณภาพชีวิตที่ดีของคนแต่ละคนมีความหมายต่างกัน ดังนั้น “เราต้องมองคุณภาพชีวิตในมุมมองของลูกค้าไม่ใช่มุมมองของเรา”

ผมและทีมงานที่ ได้ทำงานร่วมกับบริษัท Subrosa ที่ New York ในการ Fine Tune Mission/Vision ของ AP บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางด้าน “Branding” และทางด้านการ “สร้างวัฒนธรรมองค์กร” และเคยทำงานให้บริษัทใหญ่ๆ ในโลกมามาก

Subrosa ได้ชี้ให้เราได้เห็นว่า Vision/Mission ที่ดีต้องเป็นสิ่งที่เป็น “มุมมองของลูกค้า” ไม่ใช่สิ่งที่ “บริษัทจะทำให้ลูกค้า” อย่างเช่นบริษัท Nike – Just do it / BMW – To drive Pleasure

และสิ่งที่เราได้ก็คือคุณภาพชีวิตในมุมมองของลูกค้า นั่นก็คือคำว่า “Empower Living” ซึ่งมีความหมายว่า

“Create and provide the support that enables people to live and enjoy life on their terms”

“สร้างและจัดหาสินค้าและบริการที่เกื้อหนุนให้ลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องกับ AP สามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ดี ในแบบที่ต้องการด้วยตนเอง”

ซึ่งวันนี้ EMPOWER LIVING เปรียบเหมือนเป็น “เข็มทิศ” ในการนำทางให้พนักงานกว่า 2,000 คน เดินไปสู่ผลลัพธ์ที่เราตั้งใจ

หลังจากปรับ Vision/Mission แล้วเราก็เตรียมเครื่องมือซึ่งก็คือ กลยุทธ์หรือ Strategies ที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ

(1) Strategy แรกก็คือ การสร้างทุกคนในองค์กร ให้เป็น “Independent Responsible Leaders “ ซึ่งหมายถึง

  • เป็นผู้นำที่ มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจ ภายใต้กรอบความรับผิดชอบต่อตนเอง ลูกค้า คู่ค้า เพื่อนร่วมงาน และทุกคนที่เกี่ยวข้อง และ
  • ทำงานโดยมุ่งเน้นไปที่ “ความต้องการของลูกค้า” มากกว่า “ข้อกำหนดของบริษัท” หรือ “ข้อจำกัดขององค์กร”
  • ที่ AP เราเชื่อว่า การที่เราให้อำนาจในการตัดสินใจอย่างอิสระแก่คนทำงาน ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดลูกค้าโดยตรง จะทำให้ AP สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในโลกที่เปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ กว่าอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่คนเพียงไม่กี่คนในองค์กร
  • ในการสร้างให้พนักงานให้เป็น Independent Responsible Leader นี้ สิ่งที่เราใช้ในการพัฒนาบุคลากรทั้งองค์กร ก็คือ “Outward Mindset” ที่สอนให้คนทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุข โดยการเข้าใจ ความต้องการ จุดมุ่งหมาย และความท้าทายของผู้อื่น

(2) Strategy ที่ 2 คือการสร้าง INNOVATIVE CULTURE

การที่พนักงาน AP ทุกคนจะสามารถทำให้ “Empower Living” หรือ “สร้างและจัดหาสินค้าและบริการที่เกื้อหนุนให้ลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องกับ AP สามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ดี ในแบบที่ต้องการด้วยตนเอง” สมาชิกทุกคนในองค์กรไม่ว่าจะทำหน้าที่ในบทบาทใด หรือรับผิดชอบเรื่องใด พวกเขาจะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนวัตกรรมให้เกิดขึ้น เราจึงให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม ผ่านการปลูกฝังให้พนักงานทุกคนมีระบบการคิดตามหลัก DESIGN THINKING

หลักการของ Design Thinking เชื่อว่า ทุกคนเป็นนักคิด นักสร้างสรรค์ได้ ถ้าได้เรียนรู้ การคิดวิเคราะห์อย่างมีกระบวนการ วันนี้การสร้างนวัตกรรมจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การ “ฝันถึงสิ่งใหม่ ที่ยิ่งใหญ่” เท่านั้น แต่นวัตกรรมที่มีค่าที่สุด คือสิ่งที่สามารถตอบ “Unmet Need” หรือ “ความต้องการที่ซ่อนอยู่” ของลูกค้าได้ ถึงจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

(3) Strategy หรือ กลยุทธ์สุดท้าย “Everything Digital” คือการทรานฟอร์มทุกมิติของการดำเนินงานเข้าสู่ระบบดิจิตอล เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับ 2 กลยุทธ์แรก

การลงมืออย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองลูกค้า ตลอดจนการสร้างนวัตกรรม จำเป็นต้องมีข้อมูลที่รวดเร็ว และถูกต้อง เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์ค้นหา Unmet Need ของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้น ลูกค้าจะต้องได้รับความสะดวด รวดเร็ว ในการใช้สินค้าและบริการจากเรา

สิ่งที่ AP ทำเพื่อเร่ง digital transformation คือการสร้างทีมใหม่ ที่เราเรียกว่า “Digital Transformation Team” เพื่อทำงานประสานร่วมกับทีม IT เดิมที่มีอยู่ เพื่อต่อยอดความสามารถในทาง digital/it ให้ไปได้เร็วยิ่งขึ้น

ซึ่ง 3 ยุทธศาสตร์นี้..

  • หากเราสามารถสร้างผู้นำอิสระที่มีความรับผิดชอบสูงสุด ให้เกิดขึ้นในองค์กรของเรา ที่สามารถวิเคราะห์และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
  • หากเราสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมได้เกิดขึ้นแก่คนทุกระดับในองค์กร
  • และถ้าเราสามารถ ทรานฟอร์มไปสู่ “ดิจิทัล” แบบครบลูป ในทุกมิติ

เราก็จะสามารถสร้างและจัดหาสินค้าหรือบริการที่เกื้อหนุนให้ลูกค้า สามารถ ”เลือกที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นในแบบที่ต้องการด้วยตนเอง” ตามความหมายของ “EMPOWER LIVING” ที่เรากำหนดไว้

วันนี้เอพี ไทยแลนด์ ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 30 ภายใต้พันธกิจ EMPOWER LIVING โดยมี 3 ยุทธศาสตร์สำคัญที่เราได้นำมาใช้แล้ว ได้กลายเป็นพื้นฐานนำมาสู่ความแข็งแกร่ง และได้นำพาองค์กรก้าวผ่านวิกฤติในปีที่ผ่านมาได้อย่างเกินความคาดหมาย

อนุพงษ์ อัศวโภคินโดยปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่มีการระบาดของโควิด-19  บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตแบบ หมื่นลเานก้าวกระโดดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

  • ทั้งในมิติรายได้รวมที่เติบโตขึ้นสูงกว่า 40% จากปีก่อนหน้าหรือเท่ากับ 46,130 ล้านบาท
  • ด้านกำไรสุทธิมากถึง 4,225 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 38%
  • ภายใต้การบริหารจัดการสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำสุดในประวัติการณ์ เพียง 0.71 เท่า

นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่เห็นผลได้ชัดมากคือการเติบโตของกลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวของเรา จากรายได้หลักพันล้านสู่หลักหมื่นล้านภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งในปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว สามารถสร้างรายได้ที่เป็น New Record ใหม่ที่มากถึง 12,137 ล้านบาท จาก 4,990 ล้านบาทในปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่เราเริ่มนำ 3 กลยุทธ์นี้มาใช้ในช่วงปลายปี และผลลัพธ์จาก 3 ยุทธศาสตร์ยังนำไปสู่การ EMPOWER ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับเรา ทั้งลูกค้า พาร์เนอร์ที่ทำงานร่วมกับเรา และพนักงาน

วันนี้ไม่มีใครทราบได้ว่าจุดสิ้นสุดของวิกฤติครั้งนี้จะเป็นเมื่อไหร่ และจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่จะเกิดขึ้นอีก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความผันผวนครั้งนี้คือ คำมั่นสัญญาของเอพี ไทยแลนด์ ที่จะ ’ไม่หยุด’ ทำหน้าที่ของเรา ในการเป็นผู้สร้างและจัดหานวัตกรรมสินค้าหรือบริการที่มีคุณค่า เพื่อให้ผู้คนในสังคม สามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ ดังเจตนารมณ์ EMPOWER LIVING ของเรา