การเลือกซื้อที่อยู่อาศัย คนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจกับ 2-3 เรื่องหลัก คือ ราคา ทำเล และดีไซน์ แต่สิ่งสำคัญที่มักจะมองข้ามไปก็คือ เรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะในเรื่องของความแข็งแรงของโครงสร้าง และความทนทานของการเลือกใช้วัสดุในการ ก่อสร้าง เพราะหากเกิดปัญหาที่เราคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดเพลิงไหม้ที่สามารถความเสียให้ทั้งชีวิตและทรัพย์ให้กับเราได้เป็นอย่างมาก
จากในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เหตุเพลิงไหม้ในอาคารยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ในพื้นที่กรุงเทพฯมีเหตุเพลิงไหม้ในอาคารรวม 359 ครั้ง ปี 2561 จำนวน 292 ครั้ง และในปี 2562 จำนวน 88 ครั้ง แม้เหตุเพลิงไหม้ในอาคารจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่เมื่อเกิดเหตุแต่ละครั้งมักมีผลเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างอย่างรุนแรง เนื่องจากอาคารต่างๆ ในปัจจุบันจะมีขนาดพื้นที่ และความหนาแน่นของผู้ใช้อาคารมากกว่าในอดีตหลายเท่าตัว
จะดีกว่าหรือไม่หากเราจะเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ด้วยการเลือกใช้ระบบก่อสร้างที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเราได้
ปัจจุบันเทคโนโลยีการก่อสร้างได้พัฒนาไปสู่การก่อสร้างระบบสำเร็จรูปหรือที่เรียกกันว่าระบบ Precast เข้ามาแทนที่การก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน (Conventional) โดยการหล่อชิ้นส่วนอาคารสำเร็จรูปมาจากโรงงาน ไม่ว่าจะเป็น พื้น ผนังภายนอก ผนังภายใน เสา คาน และส่วนประกอบต่างๆ แล้วยกมาประกอบที่ไซต์โครงการ
ซึ่งในขั้นตอนของการก่อสร้าง นอกเหนือจากเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ เราควรคำนึงถึงบริษัทที่ไว้ใจได้ มีประสบการณ์ในการก่อสร้าง และมีความเชี่ยวชาญในการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน
ที่สำคัญเทคโนโลยี่สมัยใหม่ได้พัฒนาให้วัสดุที่ใช้สำหรับระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมีคุณสมับัติที่ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย นอกจากความแข็งแรงทนทานแล้ว เรื่องของการป้องกันอัคคีภัย ภัยใกล้ตัวที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราควรให้ความสำคัญ
การก่อสร้างด้วยระบบ precast ที่มีส่วนประกอบของผนังสำเร็จรูป ช่วยลดความเสี่ยง หรือลดความเสียงหายที่เกิดจากเพลิงไหม้ได้มากกว่าการก่อสร้างด้วยระบบดั้งเดิม เพราะผนังสำเร็จรูปมีความต้านทานไฟสูงกว่าผนังก่ออิฐฉาบปูน โดยสามารถต้านทานไฟได้มากกว่า 2 ชั่วโมง
คุณสมบัติในการต้านทานความร้อนของไฟได้ดีกว่าของพื้น-ผนังสำเร็จรูปจะช่วยป้องกันไฟไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่นภายในอาคารได้รวดเร็ว ช่วยหน่วงเวลาของความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ ทำให้มีเวลาเพียงพอต่อการเข้าดับเพลิง และช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ลดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน นี่คือข้อดีที่ไม่ควรมองข้ามของระบบก่อสร้างสำเร็จรูป
อย่างไรก็ตาม แม้เราจะพักอาศัยอยู่ในอาคารที่ใช้ระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป แต่ความเข้าใจและการเตรียมความพร้อมขั้นพื้นฐานหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ก็เป็นสิ่งจำเป็น เช่น
- เช็คความพร้อมของอุปกรณ์ความปลอดภัยจากเหตุไฟไหม้ ตรวจสอบทางหนีไฟ ประตูหนีไฟต้องไม่ปิดล็อค หรือมีสิ่งกีดขวาง
- หากได้ยินเสียงสัญญาณไฟไหม้ ให้หนีลงจากอาคารทันที
- ลองวางมือบนประตู หากประตูยังมีความเย็นอยู่ ให้หนีไปยังทางหนีไฟที่ใกล้ที่สุด หากประตูมีความร้อนอย่าเปิดประตู เพื่อป้องกันตนเองจากเปลวไฟภายนอกให้อยู่ภายในห้อง
- โทรศัพท์แจ้งหน่วยดับเพลิงถึงตำแหน่งที่เราอยู่
- หาผ้าเปียกๆ ปิดช่องหรือทางเข้าของควัน เปิดหน้าต่าง พร้อมส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
ช่วงเวลานี้ถือว่าสำคัญมาก หากห้องเราเป็นการก่อสร้างด้วยระบบ precast ซึ่งเป็นผนังสำเร็จรูป จะสามารถชะลอการลุกลามของไฟ และเพิ่มเวลาในการรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
นอกจากเรื่องความแข็งแรง ปลอดภัยซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดแล้ว การก่อสร้างด้วยระบบสำเร็จรูปยังมีข้อดีอีกหลายด้าน เช่น ช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการก่อสร้าง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลภาวะเรื่องฝุ่น เสียง และลดขยะในสถานที่ก่อสร้างได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ทำผนังสำเร็จรูปยังมีค่าความเป็นฉนวนสูง จึงสามารถป้องกันความร้อนจากภายนอกได้ดี ดูดซึมน้ำต่ำ ทำให้ไม่เกิดเชื้อรา
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องให้ความสำคัญกับการเลือกสรรบริษัทที่มีประสบการณ์ และความชำนาญในการ ก่อสร้าง ไว้วางใจได้ ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การตรวจสอบ งานระบบ ไปจนถึงการติดตั้งผนังพรีคาสต์ เพื่อความมั่นใจว่าระบบก่อสร้างสำเร็จรูปนั้นมีคุณภาพและได้มาตรฐาน ซึ่งบริษัท พรีคาสท์ แอนด์ จี อาร์ ซี เทค จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมการใช้ผนังสำเร็จรูป อีกทั้งยังเป็นบริษัทในเครือบริษัท สี่พระยาก่อสร้าง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ และมีชื่อเสียงด้านคุณภาพในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญมากว่า 70 ปี มีผลงานที่ได้รับการยอมรับจากเจ้าของโครงการชั้นนำมากมาย ทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยเพิ่มความมั่นใจในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานงานก่อสร้างให้ดียิ่งขึ้น