fbpx
18 07 Burasiri Watcharaphol 05 Windward 001 CROP scaled

Social Distancing เปลี่ยนพฤติกรรมคนซื้อบ้าน

แสนสิริ เผย social distancing เปลี่ยนพฤติกรรมคนซื้อบ้านต้องการพื้นที่มากขึ้น เตรียมปรับแบบบ้านรองรับ พร้อมประกาศลุยบ้านแนวราบไตรมาส 2 เจาะทั้ง real demand และ new demand ตั้งเป้ายอดขาย 4,500 ล้านบาท

นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังมีความต้องการซื้อที่เป็น real demand อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่ทำให้ลูกค้ามีความกังวลอยู่บ้าง บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดผ่านออนไลน์

รวมทั้งการออกแคมเปญที่ตอบโจทย์ ได้แก่ โปรลื่นปรื้ดต่อเนื่องด้วยโปรอยู่ฟรีสูงสุด 24 เดือน และร่วมกับพันธมิตรสถาบันการเงินในการเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้า พร้อมกับเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยในโครงการ ได้เพิ่มโอกาสในการขายให้มีมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 1 เป็นที่น่าพอใจ มียอดขายบ้านแนวราบรวม 4,800 ล้านบาท

“ขณะที่ไตรมาส 2 ก็ยังมียอดขายต่อเนื่อง และยังมีความต้องการใหม่ๆ ที่เกิดจาก social distancing ทำให้ผู้บริโภคต้องการพื้นที่ในบ้านที่ใหญ่ขึ้น บ้านหลังใหญ่จึงขายดีขึ้น ขณะเดียวกัน นอกจากนี้ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้เริ่มพัฒนาแบบบ้านให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังวิกฤติโควิด-19 เช่น บ้านหลังเล็กจะปรับให้หน้ากว้างขึ้น ทำให้ระยะห่างของฟังก์ชันภายในบ้านมีพื้นที่ห่างกันมากขึ้น เป็นต้น และยังใช้เทคโนโนโลยี่ และการการออกแบบมาช่วยในการปรับฟังก์ชั่นให้มีพื้นที่มากขึ้น”

ในไตรมาส 2 บริษัทยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,500 ล้านบาท โดยยังคงเจาะกลุ่มลูกค้าที่ที่เป็น real demand และต้องการบ้านหลังแรกราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งได้แก่ แบรนด์สิริเพลส และอณาสิริ และสราญสิริ ขณะเดียวกัน บริษัทยังพร้อมรักษาความเป็นผู้นำในแบรนด์ระดับบน อาทิ บุราสิริ และ เศรษฐสิริ เพื่อรับกลุ่ม New Demand จากกลุ่มลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการที่ต้องการมีบ้านใหม่เพื่อแยกครอบครัว หรือต้องการบ้านที่มีพื้นที่กว้างขี้น ซึ่งเป็นผลจากไลฟ์สไตล์ในรูปแบบ Social Distancing

นายอาณัติ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดบ้านเดี่ยวในปี 2562 ที่ผ่านมา มีจำนวนยูนิตเปิดขายในตลาดรวม 21,000 ยูนิต และมีความต้องการอยู่ที่ 11,800 ยูนิต โดยในปีที่ผ่านมาจำนวน Supply มีน้อยลง ขณะที่ดีมานด์ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราดูดซับอยู่ที่ 56% สูงกว่า 3 ปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่ายังมีความต้องการในโปรดักต์ที่สามารถตอบโจทย์และตั้งอยู่ในทำเลที่ลูกค้าต้องการได้

 

ทั้งนี้ ความต้องการบ้านเดี่ยวในระดับราคา 10-20 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2562 ถึง 7% เมื่อเทียบกับปี 2018 และบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้าน ขายดีที่สุด ดังนั้นในปี 2020 แสนสิริจึงรุกเปิดแบรนด์สิริ เพลส ที่อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 2 จะเปิดโครงการสิริเพลส 2 โครงการ ได้แก่ สิริ เพลส ประชาอุทิศ 90 และโครงการสิริเพลส ราชพฤกษ์-พระราม 5 มูลค่ารวม 1,800 ล้านบาท รวมทั้งแบรนด์เศรษฐสิริ บุราสิริ และสราญสิริ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคา 10-20 ล้านบาท

“เราเชื่อมั่นว่า แบรนด์เศรษฐสิริและบุราสิริ ระดับราคา 8-20 ล้านบาท จะเป็นแบรนด์ที่สร้างยอดขายได้ดีในปี 2020 จากการที่กลุ่มลูกค้าระดับบนได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจน้อย รวมทั้งยังมีทั้ง Real Demand และ New Demand ที่กำลังมองหาบ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อการอยู่อาศัยเองและขยับขยายครอบครัวอีกเป็นจำนวนมาก” นายอาณัติ กล่าว

กรุงเทพกรีฑา- รามอินทรา-วัชรพล ทำเลฮอตบ้านแนวราบ
สำหรับทำเลที่เป็นที่นิยมของกลุ่มลูกค้าระดบบน ได้แก่ โซนกรุงเทพกรีฑา- รามอินทรา- วัชรพล ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพสำหรับลูกค้าระดับบนซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากการตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และมีปัจจัยบวกสนับสนุนทั้งในด้านคมนาคมและขนส่งสาธารณะ  แวดล้อมด้วยสถานศึกษา โรงพยาบาลและแหล่งไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกวัย

สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าทำเลนี้ ได้รับความนิยมในการอยู่อาศัย คือ ราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซนรามอินทราและวัชรพลที่ราคาเพิ่มขึ้นจาก 88,000 บาท/ ตร.วา ในปี 2015 เป็น 127,500 บาท/ ตร.วาในปี 2019 หรือเติบโตขึ้นถึง 70% ภายในระยะเวลา 5 ปี

ส่วนโซนกรุงเทพกรีฑาก็มีดีมานด์สูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นทำเลที่ใกล้ CBD ที่สุด พิสูจน์ได้จากการปิดการขายโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา1 มูลค่าโครงการ 3,600 ล้านบาท ทำให้แสนสิริเชื่อมั่นว่ายังความต้องการอีกมาก จึงได้เปิดตัวโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2 ขึ้นเพื่อรองรับดีมานด์ใหม่ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์ปัจจุบัน อาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบางโครงการบ้าง แต่สำหรับแสนสิริยังมียอดขายและยอดเยี่ยมชมโครงการต่อเนื่อง รวมทั้งทำการขายได้ดี เห็นได้จากยอดขายที่เกินเป้าหมายในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งเราเชื่อว่าในไตรมาส 2 จะมีการตอบรับดีเช่นกัน ด้วยคุณภาพสินค้า ทำเล และโปรโมชั่นที่พัฒนามาจาก insights ของลูกค้า

สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวของแสนสิริในทำเลดังกล่าว ได้แก่ โครงการ “เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2” มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท โครงการ เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท โครงการ บุราสิริ วัชรพล มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท และโครงการ บุราสิริ ปัญญาอินทรา มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *