อาจเป็นปีที่ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เพราะนอกจากจะต้องรับมือกับปัจจัยลบทางเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องเจอกับการแข่งขันในตลาดบ้านแนวราบที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อผู้ประกอบการ ปรับโหมดการพัฒนาหันมาชิงแชร์ในตลาดบ้านที่เป็นเรียลดีมานด์เพียวๆ กันเกือบทุกราย
หนึ่งในเจ้าของพื้นที่อย่างบริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) ก็เลยอยู่เฉยไม่ได้ต้องออกมาฟุตเวิร์กเรียกเหงื่อ โชว์ความฟิตแอนด์เฟิร์มก่อนที่จะลุยจริงกับ 5 โครงการใหม่ซึ่งเป็นบ้านแนวราบล้วนๆ มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท ที่เตรียมจะเปิดตัวในปีนี้
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง มองว่า จะเห็นการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมีมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมีผู้ประกอบการที่พัฒนาคอนโดมิเนียมหันมาพัฒนาโครงการแนวราบ เพื่อกระจายความเสี่ยง และในบางช่วงเวลาก็จะมีโปรโมชั่นแรงๆ ออกมากระตุ้นตลาดเป็นระยะๆ ซึ่งข้อดีของการแข่งขันคือ จะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผู้ประกอบที่ที่ทำตลาดบ้านแนวราบเป็นหลักก็คงต้องโฟกัสสินค้าของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องของความคุ้มค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับ สำหรับในปีนี้ เอ็น.ซี. ก็มีแผนการลงทุนต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลงทุนอย่างระมัดระวัง และรอบคอบ โดยมั่นใจว่า แม้จะมีปัญหาทั้งภายนอกภายในมารุมเร้า ก็ไม่ได้บั่นทอนการดำเนินงานของบริษัท ด้วยสถานะการเงินของบริษัทที่แข็งแรงมีภาระหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.5
ประกอบกับ 5 โครงการเปิดใหม่ในปีนี้จะเป็นโครงการที่ใช้ที่ดินแลนด์แบงก์ที่มีอยู่นำมาพัฒนาล้วนๆ ซึ่งมีทั้งโครงการที่พัฒนาบนที่ดินแปลงใหม่ และพัฒนาต่อเนื่องจากโครงการเดิม โดยมีทั้ง ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวในราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับกำลังซื้อในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่หรือกว่าครึ่งของโครงการใหม่จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ และบ้านแฝด และเลือกเปิดโครงการในทำเลที่มีความชำนาญอยู่แล้ว ได้แก่ กรุงเทพฯตอนเหนือ บริเวณลำลูกกา กรุงเทพฯตะวันตก บริเวณพุทธมณฑลสาย 2 และในพื้นที่อีอีซีที่พัทยา
พร้อมกับการวางกลยุทธ์หลักสำหรับการทำตลาดในปีนี้ด้วยกัน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. กลยุทธ์ด้านโปรดักส์
สินค้าที่จะลอนช์ออกมาต้องโดนใจผู้บริโภค ด้วยการวิจัยเชิงลึก Customer Research จากฐานข้อมูลที่บริษัทเก็บมาอย่างยาวนาน มาสู่การพัฒาสินค้าที่เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกันของคนในทุกๆ เจนเนอเรชั่น ภายใต้แนวคิด Smart Care
2.กลยุทธ์ Customer Centric ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก เพิ่มการบริการที่ยกระดับการอยู่อาศัยในสังคมชุมชนสอดคล้องกับแนวคิด “รู้จักบ้าน รู้ใจคุณ” นำไปสู่ต้นการดูแลบริหารชุมชนที่ดี และขยายผลไปสู่ทุกๆ ส่วนของบริษัท
3.กลยุทธ์ Home Innovation ซึ่งทางเอ็น.ซี.ได้นำนวตักรรม และเทคโนโลยีเพื่อที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด NCXT : NC Cross Innovation & Home Technology มาพัฒนาโครงการทั้งในเรื่องของ Smart Eco และSmart Care โดยร่วมกับพันธมิตร เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น มีความทันสมัย สะดวกสบาย และห่วงใยด้านสุขภาพของคนในครอบครัว
นายสมนึกกล่าวต่ออีกว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจะเต็มไปด้วยปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในฐานะผู้ประกอบการยังมีความอุ่นใจที่ภาครัฐยังมีมาตรการมาช่วยกระตุ้น พยุงสถานการณ์ครอบคลุมถึงบ้านระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำให้กำลังซื้อกระเตื้องปรับตัวดีขึ้นมา และหากได้ยาที่แรง และไม่มีมาตรการคุมเข้มมากจากสถาบันการเงิน ก็จะส่งผลให้กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น
เป้าหมายการขายในปีนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 2,700 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเชื่อมั่นว่า แม้เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบอย่างไรแต่ก็ยังเติบโตได้ ซึ่งนอกจากการกระตุ้นด้วยมาตรการของภาครัฐแล้ว ภาคเอกชนก็ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นผ่านกิจกรรมการตลาดต่างๆ
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแคมเปญแรกของปี ภายใต้ชื่อ NC 5G แรง เปิดโอกาสให้กับผู้ซื้อบ้านได้มีบ้านได้ง่ายๆ และยังได้รับเงื่อนไขพิเศษ เช่น ซื้อบ้านได้รับทองสูงสุด 20 บาท รับของแถม Apple Series บัตรกำนัลสำหรับตกแต่งบ้านมูลค่า 1 แสนบาท รวมทั้งส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท และฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธ์ เป็นต้น คาดว่าจะมียอดขายจากแคมเปญดังกล่าวประมาณ 400 ล้านบาท ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.นี้