แลนด์ลอร์ดในพื้นที่บางนา เริ่มเคลื่อนไหวอีกระลอก ปัดฝุ่นที่ดินเก่าพัฒนาโครงการรองรับอีอีซี ล่าสุด บีทีเอส กรุ๊ป ผนึกทุนจากฮ่องกง ทุ่ม 5,000 ล้านบาท ผุดโรงเรียนนานาชาติต่อจิ๊กซอว์ เมืองใหม่ธนาซิตี้ ด้านกลุ่มมารวย เปิดกรุที่ดิน 200 ไร่ ผุดปั๊ม จุดแวะพัก และเตรียมจะพัฒนาโรงแรมสไตล์รีสอร์ทในอนาคต
พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คือตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ ผู้ถือครองที่ดินแปลงใหญ่ๆ ในพื้นที่บางนา ซึ่งถือเป็น Gateway ของกรุงเทพฯเชื่อมสู่พื้นที่อีอีซี ต้องออกมาเคลื่อนไหวในการนำที่ดินมาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 2 รายล่าสุด คือ บีทีเอส กรุ๊ป และ กลุ่มมารวย
บีทีเอสผนึกพันธมิตรทุ่ม5พันล้านต่อจิ๊กซอว์เมืองใหม่
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าว ว่า ความร่วมมือในการลงทุนระหว่างบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และพันธมิตร บริษัท ฟอร์จูน แฮนด์ เวนเจอร์ ลิมิเต็ด จากฮ่องกง จะนำไปสู่การพัฒนาโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ ด้วยงบลงทุน 5,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 168 ไร่ หรือ 66 เอเคอร์ ซึ่งถือเป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพฯ ตลอดจนมีพื้นที่สีเขียวรวมมากถึงประมาณ 60% ของพื้นที่ทั้งหมด
การร่วมลงทุนของบริษัท ฟอร์จูน แฮนด์ เวนเจอร์ จำกัด ในโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ ถือเป็นการลงทุนจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงสุดในภาคการศึกษาระบบโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาทั้งในด้านการก่อสร้างอาคารเรียนและสถานที่ ตลอดจนการคิดค้นรูปแบบการเรียนการสอนแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์และมีประสิทธิภาพ โดยได้นำเอามาตรฐานการศึกษาแบบอเมริกันมาบูรณาการเพื่อสร้างเป็น ‘หลักสูตรเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคต (Future-ready Curriculum)
นายคาเมรอน ฟ็อกซ์ หัวหน้าผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ กล่าวว่า การก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซมีปัจจัยส่งเสริมทางเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะโยกย้ายมายังทวีปเอเชียมากขึ้น รวมถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของประเทศไทยในการแปลงระบบเศรษฐกิจให้เป็นดิจิทัล และการที่องค์กรและบริษัทชั้นนำทั่วโลกกำลังมองหาผู้นำและนวัตกรรุ่นใหม่ที่มีทักษะและทัศนคติที่จำเป็นต่อการปรับตัวภายในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมรอบตัวได้อย่างควบคู่กัน
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกของประเทศไทย หรือ อีอีซี จะสามารถดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาได้ปีละประมาณ 100,000 คน ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและความต้องการโรงเรียนนานาชาติในพื้นที่ภาคตะวันออกของกรุงเทพฯ ที่เพิ่มมากขึ้น
ด้านนางปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซสะท้อนถึงเป้าหมายของ ยู ซิตี้ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณใกล้เคียงกับเครือข่ายขนส่งมวลชน โดยตั้งอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 4 กิโลเมตร ทำให้ที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซเอื้อต่อการรองรับนักเรียนจากนานาประเทศและเป็นตัวเลือกโรงเรียนนานาชาติอันดับต้นๆ ของบรรดานักเรียนและครอบครัวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย
ขณะเดียวกัน โครงการธนาซิตี้และพื้นที่โดยรอบมีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนาเป็นชุมชนที่มีความทันสมัย เนื่องจากล้อมรอบไปสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ โครงการที่อยู่อาศัย รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งและแหล่งไลฟ์สไตล์ในละแวกใกล้เคียง อาทิ เมกาบางนา เซ็นทรัล วิลเลจ สนามกอล์ฟและคลับเฮ้าส์ระดับโลกของธนาซิตี้ คันทรี คลับ ร้านอาหาร และโรงแรมอีสติน ธนาซิตี้ รีสอร์ท ที่เพิ่งเปิดทำการใหม่ล่าสุด
สำหรับ โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ (Verso) คือส่วนหนึ่งของแผนสร้างเมืองใหม่ “ธนาซิตี้” เนื้อที่ 1,625 ไร่ ที่คีรี วาดฝันไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นการสร้างเมืองระดับ high standard ซึ่งมีครบทั้งที่อยู่อาศัย ร้านอาหาร โรงแรม สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสันทนาการทางกีฬา มีสนามกอล์ฟ และโรงเรียน ซึ่งในอนาคตกรุงเทพมหานครมีแผนจะก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายบางนา-สุวรรณภูมิ เชื่อมกับบีทีเอสบางนาผ่านหน้าโครงการธนาซิตี้ ซึ่งจะทำให้การเดินทางจะสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่ทำเลบางนาในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการพัฒนาใหม่ๆ เช่น คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า
มารวย ปั่นฝุ่นที่ดิน 200 ไร่ ผุดโครงการรับอีอีซี
แลนด์ลอร์ดรายใหญ่อีกรายบนถนนบางนา-ตราด และในพื้นที่ฉะเชิงเทรา ก็คือ กลุ่มมารวย ได้นำที่ดิน 200 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม. 34 มาพัฒนาโครงการนำร่องเปิดเป็นปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่เนื้อที่ 10 ไร่ ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เป็นโครงการนำร่อง เพื่อรองรับอีอีซี
ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของบริษัท มะขามหย่งขนส่ง จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของคุณพ่อ และเป็นที่ดินกงสี ได้นำมาพัฒนาเป็นปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์ปตท. และเป็นจุดพักรถระหว่างเดินทางที่มีร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เช่น ร้านเอสแอนด์พี เคเอฟซี เซเว่น อีเลฟเว่น ร้านตำมั่ว เขียง ร้านฮอนอาจิราเมง พิซซ่าคอมปะนี แดรี่ควีน ร้านแม็กซ์แม็กซ์เอาท์เลต ร้านขายของฝาก เป็นต้น
“พื้นที่ปั๊มน้ำมันจะอยู่ตรงกม. 34 ใกล้กับศูนย์กระจายสินค้าของอาลาบาบาอยู่ที่กม. 36 ถือว่าเป็นประตูสู่อีอีซีอย่างแท้จริงเพราะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯกับจังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งในอีอีซี และในอนาคต กลุ่มมารวยยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ 200 ไร่นี้อย่างต่อเนื่องเป้นโครงการมิกซ์ยูสที่มีบริการครบวงจร ที่คิดว่า คือ โรงแรมสไตล์รีสอร์ด ที่จะพัฒนาเป็นโครงการต่อไป”
นอกจากที่ดินบนถนนบางนา-ตราดแล้ว กลุ่มมารวยยังมีที่ดินอีกหลายแปลงหลายพันไร่ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้นำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ “บ้านมารวย” ล่าสุด คือ โครงการบ้านมารวยโสธร 4 ปัจจุบันขายไปได้แล้วกว่า 80% เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดใจกลางเมืองแปดริ้ว บนพื้นที่ 26 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต ล่าสุดบริษัทได้จัดงาน “BIG THANKS ลดให้สุดหยุดที่ มารวย” นำโครงการบ้านแฝดมาจัดอัดโปรโมชั่นพิเศษช่วงปลายปี ด้วยราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 2.92 ล้านบาท
ดร.สืบวงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราในปีนี้ คาดว่าเติบโตไม่มาก หรือประมาณ 5-10% เนื่องจากจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่อีอีซี และเป็นจังหวัดที่มีโครงการที่อยู่อาศัยติดอันดับขายที่ดีสุด ปัจจุบันมีจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย จำนวน 66 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขาย เพียง 51 โครงการเท่านั้น
ในจำนวน 66 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 14,310 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 40,784 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 5,107 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,729 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 63 โครงการ มูลค่า 39,476 ล้านบาท อาคารชุด 3 โครงการ มูลค่า 361 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการสำรวจของบริษัทพบว่า ในปีนี้มีบริษัทรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 3-4 ราย ซึ่งเข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ อาทิ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จํากัด (มหาชน) , บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน และล่าสุด บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ และที่กำลังจะเข้ามาพัฒนาในเร็วๆ นี้ คือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัทจึงต้องปรับตัวโดยการขยายเซ็กเมนต์ไปพัฒนาโครงการราคา 5 ล้านบาทเพิ่ม