มหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 41 สะท้อนภาพตลาดอสังหาาริมทรัพย์ ณ ช่วงเวลานี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการซื้อที่อยู่อาศัยจากกลุ่ม real demand ที่ยังคงแข็งแรง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวอยู่ก็ตาม
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41 กล่าวว่า ตลอดการจัดงาน 4 วันของการจัดงานที่ปีนี้ย้ายมาจัดที่สยาม พารากอน ได้รับผลตอบรับดีตามเป้าหมายที่คาดไว้ โดยมียอดผู้เข้าชมงานใกล้เคียง จากการจัดงานครั้งที่แล้ว ขณะที่ยอดจองซื้อภายในงานมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3,500 ล้านบาท
ที่อยู่อาศัยที่มีการซื้อขายกันในงาน แบ่งเป็น ทาวน์เฮ้าส์ 37% คอนโดมิเนียม 34% บ้านเดี่ยว 20% บ้านแฝด 6% และที่ดินเปล่ารวมถึงอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อีก 3% ขณะที่ยอดขอสินเชื่อของสถาบันการเงินในช่วงการจัดงานก็มีสูงถึงกว่า 4,000 ล้านบาท แสดงถึงความต้องการที่แท้จริงของที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจากการตอบรับของตลาดแบบนี้น่าจะส่งผลดีโดยรวมต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3-4 ที่ตลาดน่าจะปรับตัวดีขึ้น
จากผลสำรวจของผู้เข้าชมงานครั้งนี้พบว่า อายุของกลุ่มที่เข้าชมงานอยู่ระหว่าง 21-30 ปี มากที่สุดที่ 39% รองลงมาจะมีอายุ 31-40 ปี จำนวน 31% และ 41-50 ปี อีก 16% โดยผู้เข้าชมงานจะมีช่วงรายได้ระหว่าง 30,000-50,000 บาท มากที่สุดคิดเป็น 28% รองลงมาจะมีรายได้ระหว่าง 10,000-30,000 บาทที่ 22% และ 50,000-70,000 บาท จำนวน 16%
ส่วนที่ผู้จัดงานมั่นใจว่าเป็น real demand ตัวจริงเสียงจริง เป็นเพราะผู้เข้าชมงานในปีนี้ส่วนใหญ่ หรือกว่า 24% มีความต้องการที่จะซื้อที่อยู่อาศัยในระยะเวลา 1-3 เดือน รองลงมา 23% ต้องการจะซื้อที่อยู่อาศัยในระยะเวลา 1 ปี ขณะที่อยู่อาศัยระดับราคา 2-2.99 ล้านบาท ยังคงเป็นที่สนใจของผู้เข้าชมงานมากที่สุด 29% รองลงมาเป็นที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-1.99 ล้านบาท สัดส่วน 22% และระดับราคา 3-3.99 ล้านบาท สัดส่วน 18%
ขณะที่ประเภทโครงการที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจะเป็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียม จำนวน 40% รองลงมาคือโครงการประเภทบ้านเดี่ยวจำนวน 35% และโครงการทาวน์เฮ้าส์จำนวน 15%
คอนโดยังเป็นที่สนใจจากผู้เข้าชมงาน แต่สำหรับคนที่ตัดสินใจซื้อในงาน ทาวน์เฮ้าส์ กลับมีสัดส่วนที่มากกว่า ซึ่งอาจจะมีปัจจัยในการตัดสินในหลายอย่าง เช่น ความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย ทาวน์เฮ้าส์อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เมื่อรถไฟฟ้าขยายโครงข่ายออกสู่นอกเมืองมากขึ้น รวมถึงเงื่อนไขกู้สำหรับโครงการแนวราบที่น่าจะเบาใจมากกว่า เมื่อเอาเรื่องของสัดส่วนของเงินกู้ต่อมูลค่าของบ้าน (Loan-To-Value หรือ LTV) มาจับ เพราะที่อยู่อาศัยแนวราบธนาคารสามารถให้วงเงินกู้ได้ 95% ขณะที่คอนโดได้แค่ 90% ทาวน์เฮ้าส์ จึงน่าจะเป็นพระเอกตัวจริงของตลาด ณ เวลานี้