อาจเป็นเพราะเราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารกันได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ททุกๆ อย่างก็ง่ายดายแค่ปลายนิ้ว แล้วเราคิดกันบ้างหรือไม่ว่ายิ่งเข้าถึงง่าย อาจถูกหลอก หรือถูกเอาเปรียบได้ง่ายๆ ถ้าเราไม่มีข้อมูลมากเพียงพอ โดยเฉพาะกับการซื้อทรัพย์สินรายการใหญ่อย่างที่อยู่อาศัย
ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.ได้กำหนดให้การซื้อขายบ้านจัดสรร ถูกควบคุมด้วยสัญญามาตรฐานที่มีกฎหมายรองรับ แต่เมื่อเราเห็นการโฆษณาผ่านสื่อโซเชียล บวกกับโปรโมชั่นแรงๆ ราคาลดสุดๆ ล่อใจ เราอาจตัดสินใจจองซื้อบ้านจัดสรรโดยที่ไม่มีการศึกษารายละเอียดโครงการให้ดีพอ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาต่าง ๆ Property Mentor มี Trick ในการเลือกซื้อบ้านจัดสรรมานำเสนอ
ควรเลือกซื้อบ้านกับโครงการที่มีใบอนุญาตจัดสรร เพราะผู้บริโภคจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเกี่ยวกับการสรรที่ดิน ซึ่งโครงการที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายจะมีมาตรฐานในด้านของการจัดให้มีสาธารณูปโภคภายในโครงการ อาทิ ขนาดของถนนที่ตรงตามมาตรฐาน ระบบไฟฟ้า ประปา และสาธารณูปโภคอื่น ๆ
ควรตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ของโครงการว่ามีอะไรบ้าง เช่น อ่านจากแผ่นพับโฆษณาว่าทางโครงการจัดให้มีสวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ สนามกีฬา สนามเด็กเล่น หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องระบุในสัญญาด้วยนะครับ หากเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างควรสอบถามให้ชัดเจนว่าจะเริ่มทำเมื่อใด และจะทำหรือไม่ เพราะมีหลายโครงการที่สร้างบ้านขายหมดทุกหลังแล้ว ก็ละเลยไม่ทำสวนสาธารณะ หรือสระว่ายน้ำตามที่สัญญาไว้
ควรเก็บแผ่นพับ โปรชัวร์โฆษณา เอาไว้เสมือนเป็นหลักฐานสำคัญฉบับหนึ่ง เพราะคำโฆษณา สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ กรณีที่เจ้าของโครงการไม่ทำตามที่โฆษณาไว้
นอกจากนี้ ควรหาโอกาสไปดูโครงการอื่นๆ ของผู้ประกอบธุรกิจบ้านจัดสรรรายเดียวกันนี้ว่าผลงานเป็นอย่างไรบ้าง ถนนโครงการกว้างตามแบบที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ระบบต่างๆ การบริหารจัดการภายในโครงการเป็นอย่างไร เช่น ระบบการจัดเก็บขยะ การระบายน้ำหรือปัญหาน้ำท่วมขัง เราลองสอบถามจากคนที่อยู่ในโครงการนั้นดูว่า มีปัญหาเกี่ยวกับบ้านที่ซื้อไป หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการอยู่อาศัยหรือไม่
ควรศึกษาสภาพแวดล้อมของโครงการในเรื่องการเวนคืนที่ดินและกฎหมายข้อห้ามต่างๆ และไม่ควรหลงเชื่อโฆษณา ต้องสอบถามเงื่อนไขให้ชัดเจน ว่าก่อสร้างเสร็จเมื่อใด ราคาซื้อขาย สาธารณูปโภคมีอะไรบ้าง ของแถม ส่วนลด ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ส่วนค่าธรรมเนียมและค่าภาษีต่าง ๆ ในการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งในส่วนของค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์กฎหมายระบุชัดเจนให้ผู้ซื้อรับผิดชอบเฉพาะค่าธรรมเนียมครึ่งหนึ่งเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมอีกครึ่งหนึ่งและค่าภาษีต่าง ๆ เป็นหน้าที่ของประกอบธุรกิจบ้านจัดสรรที่จะต้องชำระตามกฎหมาย
หากในสัญญาระบุไว้ว่าผู้ซื้อจะต้องชำระทั้งหมดถือว่าไม่ถูกต้อง เราซึ่งเป็นผู้บริโภคกำลังถูกเจ้าของโครงการเอาเปรียบ รู้แบบนี้เราควรเปลี่ยนโครงการ เพราะแค่เรื่องค่าธรรมเนียมและภาษีในการโอนกรรมสิทธิ์ยังผลักภาระให้ผู้บริโภค แล้วในเรื่องอื่นๆ ล่ะจะรับผิดชอบกันแค่ไหน
ที่สำคัญ ก่อนลงนามในสัญญาจองซื้อบ้าน ต้องอ่านสัญญาทุกหน้าก่อนตัดสินใจลงชื่อ หากไม่เข้าใจในข้อสัญญาข้อใด ให้สอบถามพนักงานขายก่อน หากไม่มั่นใจในคำตอบให้สอบถามผ่านช่องทางสื่อสารของทางบริษัทผู้เป็นเจ้าของโครงการ หากเห็นว่าสัญญานั้นไม่เป็นธรรมก็ควรเลื่อนระยะเวลาทำสัญญาออกไป เพื่อไปปรึกษาผู้รู้ในเรื่องนั้นก่อน อย่ารีบลงชื่อเพียงเพราะพนักงานขายเอาแต่พูดว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของโปรโมชั่น เพราะอาจทำให้เราเสียเปรียบได้ในภายหลัง