เอสซีจี เซรามิกส์ เผยซ่อม สร้าง ต่อเติมขยายพื้นที่บ้าน และสินค้ากลุ่มสุขภาพ ความต้องการพุ่ง เตรียมส่งสินค้าใหม่ รับกระแส new normal พร้อมขยายไลน์ธุรกิจรีโนเวต เจาะลูกค้าโครงการจัดสรร พร้อมกับประกาศผลประกอบการครึ่งปี แม้ยอดขายลด แต่กำไรโตสวนทาง
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ โสสุโก้ และ คัมพานา เปิดเผยว่า ในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ความต้องการปรับปรุงบ้าน เพื่อใช้พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การ work from home มีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน และยังต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกัน สินค้าในกลุ่มสุขภาพ ความปลอดภัยก็มีความต้องการสูงขึ้นด้วย
“ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น และตระหนักถึงเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยภายในบ้านเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสดีของบริษัทที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ในกลุ่ม Health and Clean เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการปรับแต่งพื้นที่อยู่อาศัยให้เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี ปลอดภัย สะอาดไร้กังวลและสร้างความอุ่นใจในการอยู่อาศัย”
ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทได้เร่งออกสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ อาทิ กระเบื้อง Hygienic Tile หรือ กระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย จาก COTTO ที่ใช้เทคนิคในการผสมสารซิลเวอร์นาโนในเนื้อกระเบื้อง ทำให้สามารถยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรียได้ตลอดอายุการใช้งาน และได้ขยายพอร์ทสินค้าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่ให้ความสำคัญไม่เพียงแต่ความสะอาด แต่ยังต้องคำนึงถึง ความสะดวก ปลอดภัย และสวยงามอีกด้วย
บริษัทจึงมุ่งเน้นพัฒนาออกสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เช่น แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO ซึ่งเป็นวัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงาม ติดตั้งง่าย ในพื้นที่จำกัด รวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ล่าสุดคือ กระเบื้องรุ่น 4D+จาก CAMPANA และ SOSUCO ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการกันลื่นเพื่อความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น โดยยังคงให้ผิวสัมผัสที่่นุ่มละมุนสบายแตกต่างจากเดิม และยังมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสุขภาพ และความปลอดภัยออกมาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ ต้องการปรับปรุงที่พักอาศัย (รีโนเวต) บริษัทได้มีการขยายธุรกิจให้บริการติดตั้ง ภายใต้ชื่อ C’TIS (Certified Tile Installation Service) เพื่อให้บริการสร้างซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้งกระเบื้องและวัสดุกรุผิว ด้วยทีมช่างมืออาชีพที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เจาะตลาดงานต่อเติมบ้านและอาคารขนาดเล็ก โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ บ้านในโครงการต่างๆ ที่มีแนวโน้มในการปรับปรุงบ้านมากขึ้น โดยขณะนี้ มีจุดให้บริการที่กรุงเทพฯ-ประมณฑล เชียงใหม่ ระยอง และชลบุรี และมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 30 จุดทั่วประเทศภายใน 2 ปีนี้
นายนำพล กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานจองบริษัทในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 มีรายได้จากการขาย 2,369 ล้านบาท ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลง 6% จากไตรมาส 1 ปีเดียวกัน แต่มีกำไรสำหรับงวด 41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2563 แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากปัญหาโควิด-19 จะทำให้บริษัทมีรายได้จากการขาย 4,892 ล้านบาท ลดลง 16% แต่ก็มีกำไร 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงที่มีมาตรการล็อคดาวน์ซึ่งมีการปิดช่องทางจัดจำหน่ายหลัก คือ ร้านโมเดิร์นเทรดทุกแห่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย และมีการบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายแต่ละรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากจนเกินไป เนื่องจากผู้บริโภคยังสามารถเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้จากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านผู้แทนจำหน่าย คลังเซรามิค และช่องทางออนไลน์
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับร้านโมเดิร์นเทรดเพื่อช่วยกระตุ้นการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในช่วงที่หน้าร้านปิดทำการ ทำให้ยอดขายผ่านทางช่องทางนี้โดยรวมโตขึ้นถึง 300% ด้านคลังเซรามิคมียอดขายสูงกว่าเป้าหมายทุกเดือน ในขณะที่ร้านผู้แทนจำหน่ายส่วนใหญ่ก็ยังมียอดขายทรงตัว ขณะเดียวกัน บริษัทได้พยายามคุมต้นทุน ลดกำลังการผลิต รวมทีมขาย ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลง ทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นแม้ยอดขายจะลดลง
“คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยังคงส่งผลต่อทั้งระบบเศรษฐกิจไปอีกระยะหนึ่ง โดยมีหลายปัจจัยที่ควรเฝ้าระวัง เช่น แนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อ ความชัดเจนของการผลิตวัคซีนป้องกัน และสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจ ในส่วนของตลาดกระเบื้องเซรามิกอาจจะได้รับผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์และกำลังซื้อที่ลดลงของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เชื่อว่าหลังจากนี้ไปสถานการณ์ตลาดในประเทศจะค่อย ๆ คลี่คลายลงตามลำดับ ตามที่ภาครัฐมีแนวทางและมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา จะมีส่วนช่วยให้ตลาดมีความต้องการใช้กระเบื้องเซรามิกและวัสดุก่อสร้างดีกว่าในไตรมาสก่อน” นายนำพล
บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในการวางแผนการผลิตเพื่อบริหารสต๊อกสินค้าให้สอดรับกับความต้องการของตลาดและจับตาดูพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดด้วย ทั้งนี้ ยังต้องรอดูทิศทางของโควิด-19 หากไม่มีการระบาดระลอก 2 มั่นใจว่าจะเป็นไปตามแผนงานระยะฟื้นฟูตามที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้