ปี 2563 อาจเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่สำหรับ เอพี ไทยแลนด์ กลับเป็นปีที่เปิดโครงการมากกว่าและมูลค่าสูงกว่าใครๆ ด้วยจำนวนโครงการที่จะเปิดขายทั้งหมด 37 โครงการ มูลค่/jk,il6,gLiK{db0า 47,150 ล้านบาท เอาชนะเบอร์หนึ่งในตลาดอย่าง พฤกษา เรียลเอสเตท ที่ครองแชมป์มาเกือบทุกปี โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่ในปีนี้ เอพี ก็เปิดโครงการมากสุดเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน
ปีนี้ เอพี มองตลาดอ
สังหาริมทรัพย์ที่กำลังซวนเซนี้ในมุมไหน และคิดอย่างไรกับการเปิดเกมรุกในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่วางแผนตั้งรับกับสถานการณ์ที่ยังไม่มีใครกล้าคาดเดา จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจยิ่ง
“มันเป็นปีแห่งความท้าทาย ซึ่งใครที่สามารถผ่านบททดสอบของปีนี้ไปได้จะเก่งขึ้น” นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป กล่าว
ความท้าทายที่ว่า ไม่ใช่แค่เรื่องของปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่กำลังถาโถมอย่างรุนแรงเพียงอย่างเดียว ยังมีมรสุมลูกอื่นที่ท้าทายต่อการทำธุรกิจอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การ disrupt ของเทคโนโลยี การแข่งขันทั้งจากคู่แข่งภายในและคู่แข่งจากนอกธุรกิจ ที่พร้อมจะเข้ามาแชร์ตลาด ด้วยความพร้อมทั้งเงินทุนและข้อมูลแบบที่ไม่ทันตั้งตัว รวมไปถึงความคาดหวังของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น
“คำถามคือ เราจะทำอย่างไรให้สินค้าหรือบริการที่พัฒนาขึ้นนั้น สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ตลอดจนนำพาองค์กรก้าวเดินไปสู่การเติบโต พร้อมการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในเวลาเดียวกัน” นายวิทการ กล่าว
แม้ว่าปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะดูย่ำแย่จากปัจจัยลบต่างๆ นานาที่เข้ามาบั่นทอนตลาดแบบไม่ให้ตั้งตัวตั้งแต่ต้นปี แต่ถ้ามองลึกลงไปเรียลดีมานด์ก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบที่ยังมีโอกาสที่จะเติบโต และถ้าดูยอดขายของเอพีตั้งแต่ต้นปีก็ถือว่าสูสีกับปี 2562 โดยมียอดขายกว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายคอนโดมีอยู่ 700 ล้านบาท ก็ถือว่าไม่แย่ แสดงว่าดีมานด์ในตลาดยังมีอยู่
จึงเป็นที่มาของการยกระดับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรให้เข้มข้นยิ่งขึ้นภายใต้พันธกิจ EMPOWER LIVING ซึ่งก็คือ การดำเนินงานที่สนับสนุนให้ทุกคนในสังคม สามารถเติมเต็มทุกเป้าหมายชีวิตได้ตามที่ปรารถนา ด้วยนวัตกรรมการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต และยังใช้เป็นเข็มทิศให้กับพนักงานเครือ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป มองเห็นเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนและเป็นภาพเดียวกันยิ่งขึ้น
EMPOWER LIVING จะถูกขับเคลื่อนผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อพัฒนาคน พัฒนาสินค้า แสวงหานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ และการสร้างระบบนิเวศเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ประกอบด้วย
- AP THAILAND VALUES เป็นการสร้างค่านิยมที่เป็น DNA สำคัญในการหล่อหลอมบุคลากรกว่า 2,000 คนภายใน 6 องค์กรเครือเอพี ให้พร้อมส่งมอบนวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตอบสนองเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกันของลูกค้าได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์ที่สุด
- MASTERPLAN FOR TOMORROW การเดินหน้าขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยคุณภาพให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
- DESIGNING YOUR FUTURE การแสวงหาความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบ หรือ Unmet Needs ของลูกค้า เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้า และนวัตกรรมบริการ หรือ Creative Solution ใหม่ๆ ที่มีคุณค่าและยกระดับชีวิตในวันนี้ให้ดียิ่งขึ้น
- POWER OF ECOSYSTEM การสร้างระบบนิเวศที่จะช่วยสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร
ทั้ง 4 กลยุทธ์อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ซะทีเดียว เพราะเป็นสิ่งที่ เอพี ทำมาอยู่แล้วก่อนหน้า เพียงแต่มีการรวบรวม จัดเรียง เน้นย้ำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สู่การการดำเนินงานที่เป็นเป้าหมายเดียวกันภายใต้ ยุทธศาสตร์ EMPOWER LIVING
เมนหลักอยู่ที่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะดำเนินงานตามโรดแมพ MASTERPLAN FOR TOMORROW เอพีจะขยายขอบเขตการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่มที่มีความหลายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนางานก่อสร้างให้มีคุณภาพ ด้วยการเปลี่ยนวิธีการทำงานทั้งระบบไปสู่กระบวนการ BIM (Building Information Modeling) ซึ่ง เอพี ได้เริ่มมาใช้มาแล้ว 2 ปี
ระบบ BIM จะช่วยให้ลูกค้าได้รับอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ ลดข้อบกพร่องที่อาจส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือ ช่วยลดต้นทุนจากข้อผิดพลาดต่างๆ ทำให้สามารถบริหารจัดการราคาให้แข่งขันได้ ในภาวะที่ตลาดแข่งขันกันรุนแรงขึ้นทุกวัน
นอกจากนี้ ยังมองไปถึงเรื่องของการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการออกแบบมาใช้ ไม่ใช่แค่เรื่องของสมาร์ท โฮม แต่เป็นการปรับแต่งเพื่อทำให้บ้านมีความทันสมัย ปรับเปลี่ยนได้ตามยุคตามสมัย โดยสามารถออกแบบให้สามารถปลั๊กอินได้มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน เอพี จะขยายการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ออกสู่ภูมิภาคเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าปักธงในจังหวัดรอง 4-5 โครงการ เริ่มโครงการแรกที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในช่วงครึ่งปีหลัง และอยู่ระหว่างการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าในจังหวัดอื่นๆ ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค
“การขยายไปตลาดต่างจังหวัดครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดตลาดบ้านแนวราบของเอพีให้กว้างขึ้นแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษา และเรียนรู้ความต้องการในมิติใหม่ของคนไทยในแต่ละภูมิภาค ซึ่งแบบบ้านที่จะนำไปพัฒนาจะสอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของคนในแต่ละพื้นที่ ตามคอนเซ็ปต์ Dynamic Personalized Model ซึ่งการออกแบบและพัฒนาโครงการจะปรับเปลี่ยนตามลิฟวิ่งแพทเทิร์น (Living Pattern) ที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละทำเล” นายวิทการกล่าว
ในปีนี้จะเป็นปีทองของที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งบริษัทได้เนินการเปิดโครงการแนวราบมาต่อเนื่อง และพร้อมรับมือกับการแข่งขันในตลาดบ้านแนวราบที่แต่ละบริษัทหันมาพัฒนาโครงการกันมากขึ้น ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือก เอพี ทั้งในเรื่องของราคา การออกแบบ คุณภาพ และบริการ
บ้านแนวราบ เอพีจะมีสินค้าเข้าสู่ตลาดในเซ็กเมนต์ กลาง-บน เช่น บ้านเดี่ยวรวม 17 โครงการ โดยจะส่งแบรนด์ เซ็นโทร และ เดอะ ซิตี้ เติมลงไปในพื้นที่ที่โครงการเดิมขายหมดไปแล้ว เช่น ราชพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ กรุงเทพกรีฑา และขยายไปในโซนตะวันออก มากขึ้น ในส่วนของทาวน์โฮมจะเปิดโครงการบ้านกลางกรุงเพิ่มในพื้นที่เขตเมือง และแบรนด์พลีโน รวม 16 โครงการ
ในส่วนของคอนโดมิเนียมปีนี้เปิดเน้นๆ เพียง 4 โครงการ ได้แก่ Aspire เอราวัณ ไพร์ม คอนโดใกล้ รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีช้างเอราวัณ ราคาเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท เนื้อที่ 6 ไร่ จำนวน 1,275 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท เปิดขายในไตรมาสที่ 2 โครงการ Life ลาดพร้าว-จตุจักร เนื้อที่ 2 ไร่ จำนวน 401 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท เปิดขายในไตรมาส 2 เช่นกัน
โครงการ Life สุขุมวิท-พระราม 4 เนื้อที่ 4 ไร่ จำนวน 1,122 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท และโครงการ Life ราชปรารภ เนื้อที่ 42 ไร่ จำนวน 485 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการ จะเปิดขายในไตรมาส 3 โดยในปีนี้ เอพี ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 33,500 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 40,550 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน 100%)
EMPOWER LIVING จะขับเคลื่อน เอพี ไทยแลนด์ ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ ไม่นานเกินรอคงได้รู้กันครับ
