fbpx
พรีมา วิลล่า นครราชสีมา 1 e1583085710953

ศุภาลัยขยายตลาดภูมิภาค ขยับหาลูกค้าระดับบน

การขยายตลาดในต่างจังหวัดของบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโต และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจของบริษัทอีกด้วย แต่การรุกออกไปในต่างจังหวัดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นที่ทราบดีว่ากำลังซื้อในต่างจังหวัดค่อนข้างอ่อนไหวและมีขนาดที่ไม่ใหญ่เท่ากับกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล เรียกว่ากว่าจะขยับไปในแต่ละจังหวัดต้องเตรียมความพร้อมกันอยู่นาน ทั้งในเรื่องของข้อมูล ตัวเลขทางเศรษฐกิจ การซื้อที่ดิน บุคคลากร รวมไปถึงการวางแผนระยะยาว เพื่อให้เกิด economy of scale

ปัจจุบัน ศุภาลัยมีโครงการในต่างจังหวัดครอบคลุม ทั้งภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สงขลา ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และที่กำลังจะเปิดโครงการใหม่ เช่น พิษณุโลก อยุธยา และฉะเชิงเทรา เป็นต้น ทำให้สัดส่วนของตลาดในต่างจังหวัด ณ ปัจจุบัน ขยับมาอยู่ที่ 34% ของยอดขายโดยรวม จากที่มีสัดส่วนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังคงขยายตลาดในต่างจังหวัดต่อเนื่องทั้งในจังหวัดหลักและจังหวัดรองที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นจังหวัดที่บริษัทมีโครงการอยู่แล้ว และจังหวัดใหม่ๆ ที่จะเปิดขายโครงการในปีนี้ และปีหน้า อย่างเช่น ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ส่วนจังหวัดใหม่ที่จะเปิดโครงการในปีนี้ เช่น พิษณุโลก ที่จะเปิดขายในช่วงปลายปี ฉะเชิงเทรา จะเปิดขายในปีหน้า และอยุธยาที่จะมี 2 โครงการใหม่ในปีนี้เช่นกัน ส่วนในจังหวัดใหญ่ เริ่มขยายเซ็กเมนต์ไปในระดับราคาที่สูงขึ้น เช่น นครราชสีมา ได้เริ่มพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวที่มีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ได้แก่ โครงการศุภาลัย พรีมา วิลล่า นครราชสีมา

โครงการศุภาลัย พรีมา วิลล่า นครราชสีมา ซึ่งเป็นโครงการที่ 6 ของบริษัทในจังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการกว่า 56 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทซื้อที่ดินมาได้ในราคาที่ค่อนถูกเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ทำให้บริษัทสามารถขายบ้านในราคา 10 ล้านบาท เหมือนกับบ้านราคา 20 ล้านบาทในกรุงเทพฯ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีกำลังซื้อสูงในต่างจังหวัด ด้วยรูปแบบบ้าน สาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบรักษาความปลอดภัยที่พร้อมสมบูร์กว่าการสร้างบ้านเอง

นอกจากนี้ยังมีที่ดินเปล่าที่ซื้อมาแล้ว ที่คอยการพัฒนาอีก 3 แปลง ซึ่งจะพัฒนาต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพที่มีโอกาสเติบโตของจังหวัด โดยเฉพาะด้านการคมนาคม ที่มีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย-ลาว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งระหว่างภาคต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคได้ต่อไป

นายประทีป ยังกล่าวอีกว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อย ในปี 2562 ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จและอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าภาพรวมของธุรกิจในปีที่ผ่านมามีปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่บริษัทยังสามารถทำยอดขายได้กว่า 22,324 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 23,957 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปี 2561 และมีกำไรสุทธิ 5,403 ล้านบาท ลดลง 6 % เนื่องจากจำนวนโครงการที่เปิดตัวลดลงและมาตรการ LTV ใหม่ และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 38,655 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2562 เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต

ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทาย จากที่คาดหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีกว่าปีที่แล้ว แต่จริงๆ คงไม่ได้เป็นแบบนั้น และยังคาดการณ์ได้ยากว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 จะจบลงเมื่อไร แต่อย่างไรก็ตาม จากการเตรียมตัวของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาจึงมั่นใจว่า บริษัทจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ โดยเชื่อว่า ตลาดไม่ได้แย่ทุกเซ็กเมนต์ โดยกำลังซื้อที่เป็นเรียลดีมานด์ยังมีอยู่ เพียงแต่จะพัฒนาสินค้า และราคาให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเรียลดีมานด์ได้อย่างไร

ในปี 2563 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขาย 26,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 24,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 30 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 25 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค พร้อมด้วยทำเลศักยภาพ อาทิ พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก และฉะเชิงเทรา เพื่อครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาค

สำหรับในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ทำเลที่น่าสนใจยังเป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากขึ้น และรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างอย่างสายสีเหลือง สีชมพู และสีส้ม ที่มีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี เนื่องจากมีความต้องการของที่อยู่อาศัยสูงพร้อมมุ่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนารูปแบบการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตของบริษัท

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *