บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ปรับตัวรับภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ผันผวน ภายใต้แนวคิด “Change The Plan Never The Goal” โดยยังยึดมั่นในเป้าหมาย แต่ยืดหยุ่นในวิธีการ แตะเบรกลงทุนเปิดโครงการใหม่แค่ 1 โครงการ มูลค่า 8,500 ล้าน รอลุ้นตลาดฟื้นตัวเปิดเพิ่มอีก 7 โครงการ พร้อมขยายฐานรายได้ใหม่ เตรียมลงทุนโครงการมิกซ์ยูสกับกลุ่มบีทีเอส และ โครงการ Hospitality กับกลุ่มดุสิตธานี
ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ยอมรับว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาฯในปีนี้ต้องเผชิญกับความกังวลของผู้บริโภคที่วิตกกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้กลุ่มที่มีเงินก็ยังชะลอการซื้อ หากทำให้เห็นว่าตลาดไม่ได้แย่อย่างที่คิดกำลังซื้อก็จะฟื้นกลับมาได้ โดยเชื่อว่า ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่ เพียงแค่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสมโดย ขณะนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของลูกค้าที่จะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้
สำหรับผู้ประกอบการเองต้องหันมาดูดีมานด์ที่ยังมีอยู่ในตลาดและทำโครงการในทำเลที่ถนัด สิ่งสำคัญต้องบริหารงานก่อสร้างให้ดีและสต็อกที่เหมาะสม บริหารความเสี่ยงและพัฒนารูปแบบใหม่ให้เหมาะสมกับกำลังซื้อ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาฯต่างเผชิญกับวิกฤติมาแล้วหลายครั้งและทุกครั้งก็ผ่านมาได้ และเชื่อว่าครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
สำหรับอนันดาปีนี้ถือเป็นอีกปีที่ท้าทาย เพราะสถานการณ์เปลี่ยนทำให้ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ภายใต้แนวคิด “Change The Plan Never The Goal” ยึดมั่นในเป้าหมาย ยืดหยุ่นในวิธีการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและความต้องการของลูกค้า และยังคงเจตนารมณ์ในการสร้างเมืองที่ดี ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับคนเมืองเพื่อชีวิตที่ดีและลงตัว ภายใต้ปรัชญา Urban Living Solutions ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่ม Gen C
ทั้งนี้ อนันดาได้วาง 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อผลักดันให้บริษัทขับเคลื่อนไปได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบด้วย
กลยุทธ์ที่ 1 เป็นเรื่องของแผนธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ส่วนแรก คือโครงการพร้อมเข้าอยู่ที่มีกว่า 38 โครงการ ทั้งคอนโดติดรถไฟฟ้า บ้านเดี่ยวบนทำเลศักยภาพ และทาวน์เฮ้าส์ในราคาสุดคุ้ม และในปีนี้ บริษัทจะมีโครงการพร้อมเข้าอยู่ใหม่อีก 7 โครงการ ที่พร้อมจะเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของคนเมืองที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตเมืองได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ เนื่องจากทางบริษัทได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษและราคาพิเศษในแต่ละโครงการ
ส่วนที่สอง คือกลยุทธ์การเปิดโครงการใหม่ เนื่องด้วยสถานการณ์ตลาดและสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขัน ทางบริษัทได้มีการปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ โดยเลือกเปิดโครงการที่มั่นใจว่า จะสามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ ในปีนี้ทางบริษัทได้วางแผนการเปิดโครงการใหม่ไว้ที่ 1 โครงการ คือ
ไอดีโอ พหลฯ-สะพานควาย (ซึ่งเป็นโครงการที่มีการปรับเปลี่ยนจากโครงการไอดีโอ คิว พหลฯ-สะพานควาย เดิม) บนทำเล 0 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย บนที่ดินกว่า 5 ไร่ มีจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,356 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 8,500 ล้านบาท และราคาเริ่มต้นเพียง 139,000 บาท/ตรม.
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาอีก 7 โครงการ มูลค่า 28,000 ล้านบาท หากสถานการณ์มีการปรับเปลี่ยน มีปัจจัยเชิงบวก หรือแนวโน้มที่ดีขึ้น ทางบริษัทก็พร้อมที่จะเปิดโครงการเพิ่ม แต่ทั้งนี้เราจะเลือกเปิดโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และความต้องการของตลาดได้เป็นสำคัญ อาทิ คอนโด ย่านศาลาแดง ทองหล่อ พร้อมพงษ์ ลำสาลี และบ้านแนวราบอีก 2 โครงการ เป็นต้น
ส่วนกลยุทธ์เรื่องที่ 2 ในเรื่องของการวางกลยุทธ์และแนวทางการสื่อสารแบรนด์ขององค์กร โดยยังคงเน้นจุดยืนที่เป็น Urban Living Solutions ผ่านแนวคิด URBAN HACK ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตเมืองของคนเมืองให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอวิธีคิด และการจัดกิจกรรมขององค์กร ทั้งเพื่อกลุ่มลูกค้าของอนันดา และกลุ่ม GEN-C ที่ใช้ชีวิตในเมือง รวมถึงการมองหา Solutions ที่จะสามารถช่วยพัฒนาเมืองให้ดียิ่งขึ้น
กลยุทธ์เรื่องที่ 3 ที่บริษัทให้ความสำคัญ คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอนระหว่างลูกค้าและบริษัท โดยมีทีมงานที่ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด มีแนวทางนโยบาย พร้อมการวัดผลความพึงพอใจของลูกค้าในทุกมิติ
นอกจากนี้ บริษัทยังคงร่วมกับพันธมิตร บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จำกัด รวมทั้ง ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ผู้ประกอบการธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเด้นซ์ที่กำลังจะแล้วเสร็จและพร้อมดำเนินการในปีนี้ 2 โครงการ คือ SOMERSET RAMA9 และ LYF SUKHUMVIT 8 ซึ่งจะมาช่วยเสริมให้มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) อีกด้วย โดยตั้งเป้าพัฒนาโครงการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ปีละ 2 โครงการ
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนขยายแหล่งรายได้ใหม่และสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักด้วยการลงทุนในโครงการมิกซ์ยูสครั้งแรกร่วมกับพันธมิตรอย่างกลุ่ม บีทีเอส บนที่ดินกว่า 200 ไร่ บริเวณหน้าโครงการ ธนาซิตี้ ติดถนนบางนา-ตราด โดยตั้งเป้าให้เป็น Smart City และ Technology & Innovation Hub และ โครงการ Hospitality กับกลุ่มดุสิตธานี ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาและพัฒนาร่วมกัน
ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 20,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ที่ 22,000 ล้านบาท โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่กว่า 31,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการโอนในระยะ 3 ปีข้างหน้า และในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดที่มีมากกว่า 14,800 ล้านบาท