fbpx
gate lio bliss rangsit bangpoon

ลลิล เปิดเกมรุกปี 63 ผุดบ้านแนวราบ ปั๊มยอดขาย 6,200 ล้าน

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเกมรุกปีหนูที่ไม่หมู ด้วยการโฟกัสการลงทุนบ้านแนวราบ 9-11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000-5,500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำตลาดบ้านราคา 2-6 ล้านบาท และเติบโตขึ้นจากปีก่อน 13%

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดแผนลงทุนปี 2563 ก่อนใคร เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า ปีนี้ ลลิล พร้อมเดินหน้าแบบสุดๆ แม้ว่า ภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มองว่า ปีนี้จะเป็นปีที่พิสูจน์ความเป็นมืออาชีพของบริษัทอสังหาฯ  เพราะการทำธุรกิจในปีนี้จะมีความยากยิ่งขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกแม้จะเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากการประเมินของ เวิลด์แบงก์ แต่ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ จีน ภาวะเศรษฐกิจยังไม่กระเตื้องขึ้น ขณะที่ ยุโรป ก็ยังทรงตัว

ขณะที่ความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านและประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งมีปัญหากันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ก็ยังไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ แต่ก็อยากมองในแง่ดีว่า คงไม่มีใครอยากก่อสงคราม จึงไม่น่าจะมีเหตุการณ์ลุกลามจนบานปลาย

Momentum ของเศรษฐกิจโลก ส่งผลมายังเศรษฐกิจไทย ภาคส่งออกซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ ต้องเหนื่อยแน่ๆ แต่ก็ยังคาดหวังว่าปีนี้ยังเป็นบวกได้เล็กน้อย  ความหวังของเศรษฐกิจไทยจึงมาอยู่ที่ การลงทุนภาครัฐ  แม้ว่าปีที่แล้วมีสะดุดไปบ้าง และภาคการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตได้ดี

ขณะที่ในภาคอสังหาฯ นายไยยันต์มองว่า ตลาดบ้านแนวราบจะเติบโตได้ 2-4% โดยมีมาตรการภาครัฐไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดค่าะรรมเนียมการโอน การจดจำนอง รวมทั้งโครงการบ้านดีมีดาวน์ และการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารรัฐ ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็จะพยายามกระตุ้นกำลังซื้อผ่านกิจกรรมทางการตลาดอย่างเข้มข้น ซึ่งทั้งหมดจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ โดยเฉพาะในไตรมาสแรก

ในปีนี้ใครที่บริหารต้นทุนได้ดี ทั้งเรื่องของการซื้อที่ดิน การก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และการตลาด รวมถึงดอกเบี้ย ก็จะแข่งขันในตลาดได้ ซึ่งเรามั่นใจว่า เราบริหารต้นทุนได้ดีในทุกๆ ตัว และมีศักยภาพพร้อมที่จะแข่งขันในตลาด” โดย ประธานกรรมการบริหาร ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยืนยันด้วยว่า ปีนี้ ลลิล จะไม่ขึ้นราคาบ้าน แม้ต้นทุนบางตัวจะเริ่มปรับราคาขึ้นมาแล้วก็ตาม 

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2563 จะให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบที่เป็น Real Demand โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 9-11 โครงการ มูลค่ารวม 5,000-5,500 ล้านบาท โดยจะมีการปรับดีไซน์แบบบ้านใหม่เป็นบ้านสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งถือว่าเป็นสถาปัยกรรมที่มีความโดดเด่นในด้านของความสวยงาม และได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 6,200 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 5,250 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นราว 13% จากปี 2562

ไลโอ บลิสซ์ รังสิต-บางพูน หนึ่งในโครงการใหม่ดีไซน์ฝรั่งเศส

ขณะที่ นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวถึง แผนงานด้านการตลาด ว่า ในปีนี้ ลลิล จะดำเนินธุรกิจเชิงรุก เพื่อขึ้นเป็น National Housing Company โดยเมื่อกล่าวถึงที่อยู่อาศัยแนวราบราคาตั้งแต่ 2 -6 ล้านบาท แบรนด์ลลิล จะต้องเป็น Top of Mind ใน 3 ลำดับแรกของผู้บริโภค

ในปีนี้บริษัทจะนำเอากลยุทธ์ Lifestyle Marketing มาสื่อสารกับลูกค้าทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ อีกทั้งเป็นการสร้าง Brand Loyalty กับลูกค้าเป้าหมาย สร้างความเชื่อมั่นในทุกมิติ ให้เกิดการแนะนำและบอกต่อ และจะเน้นต่อยอดการใช้สื่อ Digital Marketing ตลอดจนมีการนำ Big Data มาใช้ เพื่อวิเคราะห์และหา Customer Insight รวมถึงระบบ CRM เชิงรุก ในรูปแบบ Lalin 4.0 Connection ที่ลูกค้าสามารถรับทราบข่าวสารข้อมูล สื่อสารกับลลิล แบบทูเวย์คอมมิวนิเคชั่นอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดคือการต่อยอดมาตรฐาน Lalin’s Quality of Living โดยตั้งงบด้านการตลาดในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3-4% นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งงบสำหรับซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกำไรสะสมของบริษัทฯ ขณะที่ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ในระดับเพียงประมาณ 0.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.4 เท่าอยู่มาก ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนความเสี่ยงทางด้านการเงินที่ต่ำ และยังคงมีศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกมากโดยไม่ติดปัญหาเรื่องของแหล่งเงินทุน

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *