พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดลายแทงทำเลที่อยู่อาศัยศักยภาพในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เอาใจคนอยากซื้อบ้านหลังภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนองเหลือ 0.01%
นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563
รวมทั้งมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% คงที่ 3 ปี วงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งพลัส มองว่าการออกมาตรการดังกล่าว มีส่วนกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีให้คึกคักและมีความสมเหตุสมผลในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นวงเงินมากกว่ามาตรฐานครั้งก่อนที่ออกมา
จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัสฯ ในช่วงครึ่งปีแรก พบว่า ในส่วนของที่อยู่อาศัยที่เหลือขายซึ่งมีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีทั้งสิ้น 47,941 ยูนิต หรือคิดเป็น 32% ของที่อยู่อาศัยที่เสนอขายทั้งหมดที่มี 150,238 ยูนิต
สำหรับที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท สามารถแบ่งออกเป็น บ้านเดี่ยว 48 ยูนิต คิดเป็นหรือ 0.10% ซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยมาก ถัดมาคือทาวน์โฮม จำนวน 12,467 ยูนิต หรือคิดเป็น 26% และคอนโดมิเนียม 35,426 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 73%
สำหรับโซนที่มีที่อยู่อาศัยราคาน้อยกว่า 3 ล้านบาท ที่น่าสนใจได้แก่
- บริเวณกรุงเทพตอนเหนือ เช่น ปทุมธานี ลาดหลุมแก้ว และบริเวณกรุงเทพตะวันตก เช่น บางบัวทอง-ไทรน้อย ศาลายา-บางใหญ่-นนทบุรี ถือว่าเป็นเขตที่มีทาวน์โฮม ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เหลือขายอยู่เป็นจำนวนมาก
- ส่วนคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทพบมากในโซนชานเมืองที่มีรถไฟฟ้า เช่น บริเวณรถไฟฟ้าสายสีม่วง พัฒนาการ-รามคำแหง สาทร ตากสิน-ธนบุรีสะพานใหม่ และรังสิต
ที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะเป็นระดับราคาที่ผู้ซื้อเป็นกลุ่มคนทั่วไป กลุ่มคนเริ่มทำงาน ผู้ปกครองที่ซื้อให้บุตรหลานในวัยศึกษาเล่าเรียน สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้หากในอนาคตต้องการปล่อยเช่า ยังเป็นตลาดที่สามารถปล่อยเช่าให้กลุ่มคนทั่วไปได้เพราะราคาไม่สูงเกินไป โดยส่วนใหญ่อัตราเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12,000 – 14,000 บาทต่อเดือน สามารถให้ผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Rental Yield) อยู่ที่ประมาณ 4.5% ต่อปี
การออกมาตรการของรัฐบาลครั้งนี้ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่กำลังซื้อระดับทั่วไปเริ่มชะลอมาหลายปี โดยจะเห็นว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการจะเลี่ยงไปออกโครงการในระดับลักซ์ชัวรี่ที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ยังมองว่ามาตรการนี้จะมีส่วนช่วยผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะรายเล็กที่เน้นพัฒนาโครงการขนาดเล็กในราคาระดับไม่เกิน 3 ล้านบาท