ที่มา:สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง |
พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว และจะมีผลบังคับใช้อย่างแน่นอนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
แต่อย่าได้กังวลไปครับ สำหรับเราๆ ท่านๆ ที่มีบ้านบนที่ดินรวมมูลค่าแล้วไม่ถึง 50 ล้านบาท ไม่ต้องจ่ายภาษีตามกฎหมายนี้เลยแม้แต่บาทเดียว
สำหรับเกษตรกรก็เช่นกัน ถ้ามีที่ดินสำหรับทำการเกษตรมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ก็ไม่ต้องจ่ายภาษี
ที่หนักหน่อยเห็นจะเป็นที่ดินที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารพาณิชย์ หอพัก อพาร์ตเมนต์ ห้าง ร้าน โรงแรม หรือออฟฟิศ ต้องจ่ายภาษีในอัตราตั้งแต่ 0.3-0.7% ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ส่วนใครที่มีที่ดินแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็โดนเลย 1.2% ของราคาประเมินที่ดิน และจะเพิ่มอีก 0.3% ในทุกๆ 3 ปี ไปจนกว่าจะชนเพดานที่ 3% หรือเอาที่ดินมาใช้ประโยชน์
ที่มา:สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง |
ตัวแทนกรมสรรพากรมักจะอ้างว่า เอาจริงๆ ถ้าจ่ายภาษีในระบบเก่า คือภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่ จะจ่ายแพงกว่าภาษีตัวใหม่นี้อีก ก็ว่ากันไป ใครจ่ายถูกจ่ายแพงกว่ายังไง ลองบอกกันหน่อยนะครับ
ผลข้างเคียงอีกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้น (ต้องใช้คำว่าอาจจะเกิด เพราะไม่รู้จะเกิดหรือเปล่า) ก็คือ จะมีการปล่อยที่ดินกันออกมาเยอะ ราคาที่ดินในท้องตลาดก็จะไม่พุ่งพรวดพราดเหมือนช่วงที่ผ่านมา โครงการบ้าน และคอนโด ราคาคงจะไม่วิ่งปรู๊ดปร๊าด ให้ใจหายใจคว่ำ ก็ขอภาวนาให้เป็นเช่นนั้น
แต่ที่ดินในมือดีเวลลอปเปอร์ที่ซื้อเก็บไว้ ก็อาจจะมีต้นทุนจากภาษีนี้ได้เช่นกัน บ้านและคอนโด ก็มีสิทธิ์จะขยับราคาก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน ก็ต้องตามดูกันยาวๆ ครับ
ปล. เราอาจจะได้เห็นเจ้าสัวน้ำเมา ทำธุรกิจการเกษตรแข่งกับเจ้าสัวซีพี เพราะมีที่ดินเยอะจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เกษตรกรตัวเล็กตัวน้อยก็ต้องระวังให้ดีนะครับ