บ้านโซลาร์เซลล์ รัชกาลที่ 9

รำลึกถึงพ่อร. 9 บ้านพลังงานแสงอาทิตย์: พระราชปณิธานที่ล้ำหน้ากระแส ESG

เนื่องในวันนวมินทรมหาราช ซึ่งเป็นวันครบรอบวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยซึ่งทรงเปรียบเสมือน “ลูกของพระองค์”

ในโอกาสอันสำคัญนี้ ขอนำเรื่องหนึ่งมารำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาและการดำรงชีวิตของราษฎร โดยเฉพาะด้าน “ที่อยู่อาศัย” อันเป็นพื้นฐานสำคัญของความมั่นคงในชีวิต เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า พระองค์ทรงมองการณ์ไกลและทรงริเริ่มแนวคิดที่ต่อมาพัฒนาเป็น “เทรนด์” สำคัญในวงการอสังหาริมทรัพย์ยุคปัจจุบัน ซึ่งพระองค์ได้ทรงทดลองและวางรากฐานไว้ล่วงหน้าแล้วหลายสิบปีก่อน

บ้านโซลาร์เซลล์ รัชกาลที่ 9

จุดเริ่มต้นที่เหนือกาลเวลาและพระราชปณิธานด้านพลังงาน
ก่อนที่คำว่า “บ้านประหยัดพลังงาน” หรือ “บ้านโซลาร์เซลล์” จะกลายเป็นหนึ่งในจุดขายของอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงเล็งเห็นถึงศักยภาพของแสงอาทิตย์ในภูมิอากาศของประเทศไทยว่าเป็น “พลังงานที่รอการนำมาใช้” ในยุคที่ทั่วโลกยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างเต็มที่ พระองค์ทรงมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล และทรงตระหนักถึงความจำเป็นในการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานของประเทศ จึงได้ทรงริเริ่มแนวทางและทดลองใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการพระราชดำริ เพื่อเป็นแบบอย่างแห่งการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่าและยั่งยืน

ด้วยเหตุนี้ ในปี 2539 พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำโครงการ “บ้านพลังงานแสงอาทิตย์” ภายในพื้นที่ส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา โครงการนี้มิได้เป็นเพียงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ หากแต่เป็นต้นแบบที่พระองค์ทรงมุ่งหมายจะสาธิตให้ประชาชนได้เห็นว่า แสงแดดซึ่งมีอยู่ทั่วไปในประเทศสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานได้จริงในชีวิตประจำวัน บ้านต้นแบบดังกล่าวติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและมีระบบเก็บพลังงานสำหรับใช้ในครัวเรือน โดยทรงนำหลักวิทยาศาสตร์มาประยุกต์เข้ากับวิถีชีวิตของคนไทย เพื่อให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการใช้พลังงานสะอาดและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ตามข้อมูลที่ปรากฏ แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งมีจำนวน 18 แผง รวมพื้นที่ประมาณ 17.89 ตารางเมตร สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดราว 2,250 วัตต์ หรือประมาณ 2.25 กิโลวัตต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวพระราชดำริอันก้าวไกล ที่มิใช่เพียงการทดลองเท่านั้น แต่คือการวางรากฐานเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอนาคต และเป็นแนวทางให้ประชาชนมีทางเลือกด้านที่อยู่อาศัยที่ไม่ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล พร้อมลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว

พระราชปณิธานที่ล้ำหน้ากระแส ESG
แนวพระราชดำริของ “บ้านพลังงานแสงอาทิตย์” เป็นการวางแนวทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง หากพิจารณาตามกรอบแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ที่เป็นกระแสหลักในปัจจุบัน จะพบว่าโครงการนี้มีความสอดคล้องอย่างชัดเจน และหากมองแนวคิด “บ้านพลังงานแสงอาทิตย์” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผ่านเลนส์ของ ESG เราจะเห็นว่าวิสัยทัศน์ของพระองค์เข้ากับทิศทางการพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์ในโลกยุคใหม่

•E – สิ่งแวดล้อม (Environment): บ้านพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิง จึงเป็นแบบอย่างของที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

•S – สังคม (Social): แนวพระราชดำริส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงาน และรู้จักยืดหยุ่นใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน ลดรายจ่ายด้านพลังงานให้กับครัวเรือน

•G – บริหารจัดการ (Governance): การเริ่มต้นจากพระราชดำริ สร้างบ้านต้นแบบด้วยระบบติดตั้งจริง และเปิดโอกาสให้องค์ความรู้แพร่กระจายสู่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ถือเป็นการ “กำกับเชิงนโยบาย” ที่นำไปสู่มาตรฐานและแนวปฏิบัติในอนาคต

กล่าวคือ แนวคิดบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ของพระองค์ล่วงหน้ากว่ากระแส ESG ในภาคอสังหาฯ รุ่นหลังหลายสิบปี

โซลาร์รูฟ

กระแส ESG และ “การอยู่อาศัยสีเขียว” ในปัจจุบัน
ปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาฯ ในไทยและต่างประเทศเริ่มนำ ESG มาเป็นกรอบดำเนินธุรกิจตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง จนถึงการอยู่อาศัย โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้อยู่อาศัย หากบ้านที่สร้างและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถลดคาร์บอนได้ จะเป็นกลไกสำคัญในการแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อม

การที่แนวพระราชดำริ “บ้านพลังงานแสงอาทิตย์” มีองค์ประกอบตรงกับ E และ S อย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็น “ผู้ก้าวล่วง” ในแง่ของการออกแบบบ้านที่ยั่งยืน

การเชื่อมโยงอดีตสู่อนาคต
เมื่อย้อนกลับมายังบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ในรัชกาลที่ 9 เราสามารถมองเห็นเส้นทางพัฒนาที่อยู่อาศัยตาม ESG ดังนี้:

1.แรงบันดาลใจ (Inspiration): แนวพระราชดำริแสดงให้เห็นว่าแนวคิดบ้านสีเขียวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นวิสัยทัศน์ที่พระองค์ทรงริเริ่มก่อนใคร

2.ต้นแบบทดลอง (Prototype): บ้านในสวนจิตรลดาเป็นการพิสูจน์ว่าแนวคิดสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง เมื่อเทคโนโลยีพร้อมใช้งานได้

3.แนวทางสู่มาตรฐาน (Path to Standard): เมื่อผู้ประกอบการอสังหาฯ เริ่มนำแนวคิด ESG มาใช้ สะท้อนว่าต้นทุนความคิดของพระองค์ถูกต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจในวันนี้

4.ความต้องการของตลาด (Market Pull): ผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและยอมจ่ายเพิ่มสำหรับโครงการที่คำนึง ESG มากขึ้น

ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล “บ้านพลังงานแสงอาทิตย์” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มิได้เป็นเพียงโครงการเก่าที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของ “บ้านแห่งอนาคต” ที่วางรากฐานให้สังคมไทยก้าวสู่แนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Sustainable Living) อันเป็นแนวทางที่สะท้อนพระปรีชาญาณและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ยังคงส่องทางให้คนไทยเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางแห่งความพอเพียงและความยั่งยืนตราบจนวันนี้

อ่านเพิ่มเติม…
จากสนามม้านางเลิ้ง สู่อุทยานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙
“เส้นทางนี้…ที่พ่อสร้าง” 13 ต.ค. ระลึกถึงพ่อของแผ่นดิน