อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ทำผลงานได้ดีในปีที่ผ่านมา และกำลังรุกต่อด้วยการขยายฐานลูกค้าจากที่มั่นเดิมในตลาดระดับกลางไปสู่ตลาดระดับบน และระดับล่างมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในแผน 3 ปี ภายใต้กลยุทธ์ Index Nextperience & Beyond + Sustainable Future สร้างการตลาดในใจคนสู่ความยั่งยืน ด้วยสูตร 3P ได้แก่ Performance People และ Planet
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขยายฐานลูกค้าใหม่ บริษัทได้พัฒนาสินค้าอย่างหลากหลายทั้งดีไซน์และฟังก์ชันตอบโจทย์ความต้องการกลุ่ม New Gen เน้นการสร้าง Digital Experience และ Pop Display ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ เชื่อมไลฟ์สไตล์การช้อปปิ้ง ควบคู่การรักษาฐานลูกค้าเดิม โดยขยายไลน์สินค้าแบรนด์ Furinbox จากออนไลน์สู่ออฟไลน์วางจำหน่าย 22 สาขาทั่วประเทศ โดยจับกลุ่มลูกค้า C ที่มีฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ในประเทศ โดยสินค้าจะมีราคาถูกกว่าแบรนด์ อินเด็กซ์ และ วินเนอร์ เช่น ชุดเฟอร์นิเจอร์ห้องนอน ราคาจะอยู่ที่ 9,000-10,000 บาท เป็นต้น
โดยส่วนใหญ่รายได้หลักของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จะมาจากกลุ่มสินค้าในระดับกลาง โดยสัดส่วนยอดขายในกลุ่มสินค้าระดับบนของบริษัทมีประมาณ 5% ขณะที่รายได้จากกลุ่มสินค้าระดับล่างมีประมาณ 5% เช่นเดียวกัน การขยายฐานตลาดในระดับล่างมากยิ่งขึ้น คาดว่าใน 3 ปีนี้จะมีรายได้จากกลุ่มสินค้าระดับล่างเพิ่มเป็นประมาณ 15% ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมเปิด “DecorScape” แหล่งช้อปแห่งใหม่ใจกลางทองหล่อ โดยทุ่มงบร่วม 150 ล้านบาท ปั้นเป็น Lifestyle Mall ดีไซน์ Modern Luxury รูปแบบอาคาร 3 ชั้น บนพื้นที่ขนาด 3,000 ตร.ม. ซึ่งจะกลุ่มลูกค้าในระดับลักชัวรี่ รวมถึงการขยายสินค้าในกลุ่ม Customized ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น
นายเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจกลุ่มธุรกิจยูนีค และบริหารพื้นที่ศูนย์เดอะวอล์ค กล่าวเพิ่มเติมว่า Furinbox จะมีบทบาทมากขึ้นในการขยายตลาดลูกค้ากลุ่มล่างซึ่งปกติจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีแบรนด์วางจำหน่ายตามห้องแถวในชุมชนต่างๆ ซึ่งถือเป็นอีกตลาดที่ใหญ่มากๆ
ขณะเดียวกันการนำสินค้าในกลุ่ม Furinbox ซึ่งเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปบรรจุกล่องที่มีราคาย่อมเยาวางจำหน่ายในสาขาของอินเด็กซ์ ก็จะทำให้บริษัทสามารถพิจารณาขยายสาขาไปในพื้นที่ที่เป็นจังหวัดรองๆ ทำให้การเข้าถึงแบรนด์ Furinbox มีมากขึ้น ส่วนการขยายฐานในกลุ่มลักชัวรี่คงต้องดูผลสำเร็จจากการเปิด DecorScape ที่ทองหล่อก่อนแล้วค่อยขยายต่อไป
ในปี 2567 อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จึงได้วางเป้าขยายผลความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจากปี 2566 ด้วยกลยุทธ์ Index Nextperience & Beyond + Sustainable Future ซึ่งจะเป็นนโยบายและกรอบแผนงานภายใน 3 ปี เม็ดเงินลงทุนรวม 3,000 ล้านบาท โดยยึดแนวคิด Triple Bottom Line สูตร 3P Performance – People – Planet เพื่อสร้างการตลาดในใจคนสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ในด้าน Performance การดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดผลการดำเนินงานอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) ซึ่งนอกจากจะเป็นเรื่องของการขยายฐานลูกค้าทั้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มลูกค้าลักชัวรี่ และลูกค้าระดับ C แล้ว ยังมุ่งเน้นที่การขยายขอบเขตธุรกิจ โดยคาดเปิด อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาใหม่ 1-2 สาขา/ปี พร้อมกับนำร่อง New Store Model ต้นแบบอาคารประหยัดพลังงานรายแรกของธุรกิจค้าปลีกไทยและรายแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาสระบุรี บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ทุ่มงบกว่า 170 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 1 ปี 2568
ในขณะเดียวกันได้เตรียมขยาย Little Walk อีก 1-2 สาขา ได้แก่ สาขารัตนาธิเบศร์ ด้วยงบ 550 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 12 ไร่ ประกอบด้วย อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ขนาด 6,340 ตร.ม. และพื้นที่ร้านค้าเช่า 10,100 ตรม. เปิดให้บริการในไตรมาส 4 ปี 2567 นอกจากนี้ ยังมีแผน รีโนเวทสาขาเดิมด้วยดีไซน์ใหม่ 1-2 สาขา ได้แก่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาเชียงใหม่ และอุดรธานี
ด้านต่างประเทศปัจจุบันขยายไปแล้ว 12 สาขา ใน 6 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม 2 สาขา เมียนมา 4 สาขา ลาว 1 สาขา กัมพูชา 2 สาขา เนปาล 2 และ มัลดีฟส์ 1 สาขา และปี 2567 เตรียมขยายเพิ่มอีก 4 สาขา ที่เวียดนาม 2 สาขา (เมืองโฮจิมินห์) และเมียนมา 1 สาขา (เมืองมัณฑะเลย์) และประเดิมการขยายตลาดไปยังอินเดีย ที่เมืองปุเณ (Pune) พร้อมกันนี้ยังมองโอกาสขยายขอบข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่โซนตะวันออกกลาง เช่น ดูไบ, ซาอุดิอาระเบีย
ในด้าน People มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ให้เหนือกว่า (Beyond Experience) โดยการสร้างกลยุทธ์ให้เหมาะกับพฤติกรรมและความต้องการเฉพาะของลูกค้า เช่น การนำเทคโนโลยี AI ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ สำหรับงานดีไซน์ ช่วยลดขั้นตอนให้ง่าย และรวดเร็วต่อการทำงานของดีไซน์เนอร์ ขณะเดียวกันเพิ่มความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมเพื่อการออกแบบ เพิ่มประสิทธิภาพบริการด้านดีไซน์ ส่งเสริมการขายในกลุ่มสินค้า Customized Furniture และ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ขณะที่พนักงานก็ได้รับประสบการณ์ความสุขเช่นกัน โดยได้มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำด้วยการดึงคนรุ่นใหม่มาขับเคลื่อนองค์กร
อีกหนึ่งส่วนสำคัญ “Planet” แนวปฏิบัติที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม (Sustainable and Ethical Practices) การผลิตและพัฒนาสินค้าเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ Eco Product เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, พัฒนาสินค้าที่สร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดี, พัฒนาสังคมที่แข็งแกร่ง ส่งเสริมและร่วมพัฒนาสินค้ากับกลุ่มรัฐวิสาหกิจและชุมชน ชูอัตลักษณ์-ภูมิปัญญาท้องถิ่น
“ในปี 2566 บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและกลับมาแข็งแกร่งกว่าช่วงเกินโควิด-19 สามารถแซงหน้าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยมีรายได้รวม 9,416 ล้านบาท เติบโต 4.5% จากปี 2565 ด้านกำไรอยู่ที่ 726 ล้านบาท เติบโต 10.2% คาดปี 2567 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก (Double-Digit growth)” นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าว