fbpx
sustainability

ปี 67 ธุรกิจอสังหาฯยังว้าวุ่น ชี้ Well-Being/Sustainable ยังฮอต

TERRA BKK เผยตลาดอสังหาฯ ปี 67 ยังว้าวุ่น ผู้บริโภคไม่มั่นใจเงินในกระเป๋า ราคาอสังหาฯยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ชี้เทรนด์ Well-Being and Sustainable Lifestyle มาแรง ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมต้องการพื้นที่บ้านรองรับ “การพักผ่อน – Work at Home” ที่สะดวกสบาย และรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น

นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด (TERRA BKK) กล่าวว่า จากการสำรวจด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปี 2567 พบว่า มีค่าดัชนีอยู่ที่ 76% ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีค่าดัชนีอยู่ที่ 80% และเมื่อลงลึกไปในรายละเอียดจะพบว่า กลุ่มผู้บริโภคที่มีอาชีพเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ซึ่งเดิมเป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการซื้ออสังหาริมทรัพย์นับตั้งแต่ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับเริ่มไม่มั่นใจรายได้ในอนาคตซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด

ผู้บริโภคกลุ่มนี้มองว่า ช่วงนี้ไม่ใช่โอกาสดีในการซื้ออสังหาฯ ทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน รวมถึงราคาอสังหาฯที่ปรับตัวสูงขึ้นตามค่าก่อสร้างใหม่ ขณะที่รายได้อาจจะไม่ได้ดีขึ้นซึ่งมีผลต่อการขอสินเชื่อใหม่ ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มต้องชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 จะอยู่ในภาวะทรงๆ ตัว อาจจะติดลบหรือเป็นบวกได้บ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ โดยรวมของปี 2567 ว่าจะสามารถฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน

ขณะที่ ตลาดอสังหาฯ ปี 2566 มีการปรับลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯที่ปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของภาคที่อยู่อาศัย ทั้งปริมาณ supply ที่เปิดตัวน้อยลงและอัตราการขายที่ลดลง สำหรับกลุ่มทาวน์โฮมอยู่ในช่วงฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปที่มีอัตราการขายที่เติบโตขึ้น และตลาดบ้านเดี่ยวที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับราคา 10-25 ล้านบาท ที่มีอัตราการขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกลุ่ม Real Demand ที่มีรายได้สูง มีเงินออม ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยและมีความต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัย

นางสาวสุมิตรา กล่าวอีกว่า จากผลวิจัย The most powerful of real estate brand 2023 และเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคตามแนวคิด Well-Being and Sustainable Lifestyle ที่ TERRA BKK ได้จัดทำขึ้นจากแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน พบว่า ผู้ตอบกว่า 42% มีแผนจะซื้อบ้านในช่วง 3 ปี โดยส่วนใหญ่มีความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในระดับราคาตั้งแต่ 3-7 ล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อบ้านปีนี้คนส่วนใหญ่ให้ความใส่ใจเรื่องวัสดุก่อสร้างกันมากขึ้น รองลงมาคือ ระบบรักษาความปลอดภัย สังคมและสิ่งแวดล้อม และบริการหลังการขาย

เมื่อเจาะลึกมาดูสินค้าในแต่ละกลุ่มจะพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 78% วางแผนที่จะซื้อบ้านเดี่ยว โดยส่วนใหญ่เป็นคนในกลุ่ม Baby Boomer (อายุมากกว่า 56 ปีขึ้นไป) และกลุ่ม Gen Y (อายุ 28-41 ปี), รองลงมาเป็นกลุ่มทาวน์โฮม มีสัดส่วน 47% โดยเป็นกลุ่ม Gen X (อายุ 46-56 ปี) และ Gen Z (อายุ 18-27 ปี), ส่วนคอนโดมิเนียม มีผู้วางแผนที่จะซื้อราว 27% ซึ่งเป็นคนในกลุ่ม Gen Z และGen Y ในระดับราคา 2-7 ล้านบาท

ด้านพฤติกรรมการอยู่อาศัยในปี 2567 พบว่า คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ในบ้าน 2 ด้าน คือ การพักผ่อนในพื้นที่ห้องรับแขก-ห้องนั่งเล่น-ห้องอเนกประสงค์ และการทำงานแบบ Work at Home รวมถึงมีความต้องการพื้นที่นอกตัวบ้าน หรือในสวนมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับแนวคิด sustainable lifestyles จากผลวิจัยที่พบว่า ความต้องการบ้านในอุดมคติ จะประกอบด้วย 3 ด้าน คือ Comfortable and Convenience Living, Safe and Secure Environment และ Well-Being เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าการอยู่บ้านในสังคมใหม่ที่ครบสมบูรณ์ด้วยสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ในบ้านมีการใช้สมาร์ทโฮม เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก เหล่านี้จะช่วยให้ความเป็นอยู่ทั้งร่างกายและจิตใจดีขึ้น

ทั้งนี้จากผลวิจัยจะเห็นว่า sustainable lifestyles ของคนแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน โดยกลุ่ม Gen Z (อายุ 18-27 ปี) จะเป็นกลุ่มที่ใส่ใจเรื่องการเดินทาง โดยส่วนใหญ่จะเน้นการใช้ระบบขนส่งสาธารณะกันมาก ส่วนกลุ่ม Gen Y (อายุ 28-41 ปี) ให้ความใส่ใจด้านพลังงานเช่นการเปิด-ปิดไฟเมื่อไม่จำเป็น, กลุ่ม Gen X (อายุ 46-56 ปี) จะเป็นคนที่สนใจเรื่องอาหาร และสุขภาพ เช่น ลดการกินเนื้อสัตว์ หรือกินพืชผักตามฤดูกาล และกลุ่ม Baby boomer (อายุมากกว่า 56 ปีขึ้นไป)เป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจมาก เพราะคนกลุ่มนี้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวเช่น โซล่าร์เซลล์ มากขึ้น

จาก sustainable lifestyles ที่กล่าวถึงได้สะท้อนถึงความต้องการบ้านของผู้บริโภคที่สอดรับกับวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในอนาคต อาทิ การออกแบบ Universal design, มีพื้นที่ห้องสปาหรือโปรแกรมบริการการฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย, มีกิจกรรมเพื่อสุขภาพและกายภาพบำบัด, บริการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพ, บ้านประหยัดพลังงาน Solar Cell /ฉนวนกันความร้อน, ระบบกรองอากาศ PM2.5 และไวรัส, นวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย เช่น Smart Home, EV Charger, ระบบการคัดแยกขยะอย่างแท้จริง เพื่อลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม, การก่อสร้างที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยคาร์บอน

ด้านนางสาวศศิธร ชุติพงษ์เลิศรังษี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวว่า สำหรับปีนี้ บริษัทได้เปิดตัว TerraAgent ซึ่งเป็นบริการใหม่ล่าสุด ที่จะเข้ามาให้บริการบริหารงานปล่อยเช่าอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และคอมมูนิตี้มอลล์ จากทีมงานที่มีประสบการณ์สูง พร้อมรองรับลูกค้าทุกกลุ่ม ปัจจุบัน TerraAgent ได้ดูแลบริหารงานปล่อยเช่าอาคาร Enter Terminal อาคารสำนักงานเกรดเอแห่งใหม่ล่าสุดของ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มปตท.บนพื้นที่กว่า 15,000 ตร.ม. ใจกลางทำเลศักยภาพสูง ติดถนนวิภาวดี – รังสิต ตรงข้ามกับสนามบินดอนเมือง ซึ่งมีอัตราการเช่าไปแล้วมากกว่า 30% ภายในระยะเวลา 4 เดือน

ขณะที่ นางสาวสุมิตรา กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ TERRA BKK ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นที่ต้องการเข้ามาลงทุนอสังหาฯโดยการร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพยืในเมืองไทย ปัจจุบันมี 2-3 รายที่กำลังคุยกันอยู่