fbpx

ชาญอิสสระ กางแผนลงทุน 2 หมื่นล้าน รับอสังหาฯ-ท่องเที่ยวฟื้น

กลุ่มชาญอิสสระ ทุ่ม 2 หมื่นล้าน เขย่าวงการอสังหาฯครั้งใหญ่ ลุยพัฒนา 4 บิ๊กโปรเจกต์อสังหาฯ-มิกซ์ยูส-โรงแรม ทั้งในกรุงเทพฯ ชะอำ-หัวหิน และภูเก็ต บนพื้นที่ดินรวม 123 ไร่ รับภาคอสังหาฯ-ท่องเที่ยวฟื้นตัวเต็มที่ พร้อมเตรียมโอน 2 บิ๊กโปรเจกต์ โครงการดิ อิสสระ สาทร และศศรา หัวหิน มูลค่า 2,500 ล้านบาท

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจจากนี้ว่า กลุ่มชาญอิสสระ มีแผนลงทุนในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์-มิกซ์ยูส และโรงแรม รวม 4 โปรเจ็กต์ยักษ์ บนที่ดินรวม 123 ไร่ มูลค่าโครงการร่วม 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ประเดิมด้วยโครงการบ้านพักตากอากาศพูลวิลล่าสุดหรู The Sky Series สไตล์ Modern Natural มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท บนที่ดิน 6 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินผืนสุดท้ายของโครงการศรีพันวา ภูเก็ต

โครงการซาซ่าส์ หัวหิน (SASA Hua Hin) ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม บนที่ดินกว่า 3 ไร่ วิวทะเล และสนามกอล์ฟ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ต่อด้วยโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury วงแหวน-พระราม 9 ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567

อีกหนึ่งโครงการที่ถือเป็นเมกะโปรเจ็กต์โครงการมิกซ์ยูสที่มีทั้งพื้นที่พาณิชยกรรม ที่พักอาศัย โรงแรมและรีสอร์ท บนทำเลศักยภาพ ในจังหวัดภูเก็ตบนที่ดินกว่า 70 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 นี้เช่นกัน เพื่อเป็นการรองรับการกลับมาของภาคธุรกิจอสังหาฯ-ท่องเที่ยวที่มีทิศทางเติบโตอย่างเห็นได้ชัด

The Sky Series

“ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวไทยและธุรกิจโรงแรมในปี 2566 ยังคงคึกคักต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ อย่างจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีอัตรานักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยในส่วนของโรงแรมในเครือทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต โรงแรมบาบาบีช คลับ นาใต้ และโรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน สามารถทำรายได้ช่วงไฮซีซั่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์รายได้ของปี 2566 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และคาดการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยมีปัจจัยบวกมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและมีการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Middle East อย่างมากอีกด้วย” นายสงกรานต์ กล่าว

ทั้งนี้จากทิศทางการเติบโตของกลุ่มตลาดลักชัวรี่ และกระแสการตอบรับที่ดีของโครงการในกลุ่มชาญอิสสระโดยในปีนี้อยู่ระหว่างการโอน 2 บิ๊กโปรเจ็กต์ อย่างโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ที่มียอดขายแล้วประมาณ 55% และโครงการ ศศรา หัวหิน ที่มียอดขายประมาณ 75% ปัจจุบันทั้งสองโครงการมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมประมาณ 2,500 ล้านบาท

ซาซ่าส์ หัวหิน

จากแผนการพัฒนาโมเดลธุรกิจดังกล่าวของกลุ่มชาญอิสสระที่จะพัฒนาในก้าวต่อจากนี้ไปจะเป็นแกนสำคัญในการผลักดันเป้ารายได้ และสร้าง Brand Awareness ที่แข็งแกร่งให้กับชาญอิสสระ ไปสู่ระดับโลก ผ่านการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่สำคัญของการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกๆ ด้าน มีความครบวงจรในด้านการให้บริการในระดับพรีเมี่ยม พร้อมขึ้นแท่นแบรนด์หรูครองความเป็นผู้นำด้านตลาดลักชัวรี่ในประเทศไทย