fbpx
กราฟ ฟื้นตัว ขาขึ้น

3 ปีวิกฤติโควิด-19 ใคร? คือเจ้าตลาดอสังหาฯ

ก่อนที่เชื้อร้ายไวรัสโควิด-19 จะลาจากโลกนี้ไปกลายเป็นโรคสามัญประจำถิ่นอย่างถาวร ขอย้อนความกลับไปในช่วง 3 ปี แห่งวิกฤติโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563-2565 ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และใครสามารถยืนหยัดฝ่าฟันวิกฤติก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดตัวจริงเสียงจริง

Property Mentor ได้เก็บรวบรวมตัวเลขผลประกอบการย้อนหลังไป 3 ปี ของ 41 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อตามหาเจ้าตลาดอสังหาฯผู้พิชิตวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้จะเป็นใครตามไปดูกันครับ

ก่อนที่จะไปดูกันว่าใครคือผู้ที่ฟันฝ่าวิกฤติโควิดก้าวขึ้นสู่สุดยอดของเจ้าตลาดอสังหาฯ มาไล่เรียงดูผลงานในแต่ละปีกันก่อน

วิกฤติโควิดฉุดกำไรบริษัทอสังหาฯลดวูบ
ปี 65 ตลาดเริ่มพลิกฟื้นรายได้โตเกือบ 20%
ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่เชื้อโควิด-19 ลุกลามเข้าสู่ประเทศไทยและเริ่มสร้างผลกระทบในทุกๆ ด้าน ผลประกอบการรวมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯเริ่มตกลงเมื่อเทียบกับปี 2562 โดยทั้ง 41 บริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์ทำรายได้รวมกันที่ 3.2 แสนล้านบาท ลดลงไป 8.6% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท

ขณะที่รายได้จากการขายในปี 2563 ทั้ง 41 บริษัททำรายได้รวมกันทั้งสิ้น 2.9 แสนล้านบาท ลดลงไป 3.3% เมื่อเทียบกับรายได้จากการขายของปี 2562 ที่มีรายได้จากการขายรวมกัน 3 แสนล้านบาทโดยประมาณ ส่วนกำไรสุทธิในปี 2563 ทำได้รวมทั้งสิ้น 3.2 หมื่นล้านบาท ลดลงไปถึง 37.2 % เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในปี 2562 ที่ทำได้รวมกัน 5.1 หมื่นล้านบาท

แม้รายได้จะลดลงไม่มาก แต่ตัวเลขกำไรที่ลดลงไปมากเกิดจากการเร่งระบายสต๊อก ด้วยโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม เพื่อเก็บเงินสด เพราะไม่มีใครรู้ว่าวิกฤติโควิดจะลากยาวไปแค่ไหน

new normal

สำหรับ Top 3 ของตลาดในปี 2563 ในส่วนของรายได้รวม ได้แก่ แสนสิริ มีรายได้รวม 34,707 ล้านบาท แลนด์แอนด์เฮ้าส์มีรายได้รวม 31,058 ล้านบาท และ เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้รวม 29,959 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากการขาย 3 อันดับแรก ได้แก่ แสนสิริ มีรายได้จากการขาย 30,559 ล้านบาท พฤกษา โฮลดิ้ง มีรายได้จากการขาย 29,244 ล้านบาท และเอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้จากการขาย 28,949 ล้านบาท

สำหรับ 3 บริษัทที่มีกำไรสุทธิสูงสุดในปี 2563 ได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 7,122 ล้านบาท ศุภาลัย มีกำไรสุทธิ 4,327 ล้านบาท และ เอพี (ไทยแลนด์) มีกำไรสุทธิ 4,225 ล้านบาท

ย่างเข้าสู่ปี 2564 วิกฤติโควิด-19 ยังสร้างผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทอสังหาฯ ยังคงลดลงด้วยเช่นกัน โดยทั้ง 41 บริษัทมีรายได้รวมกันทั้งสิ้น 3.1 แสนล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ประมาณ 3.1% และลงลด 11.4% จากปี 2562 ส่วนรายได้จากการขายทั้ง 41 บริษัททำได้รวม 2.8 แสนล้านบาท ลดลง 3.5% จากปี 2563 และลดลง 7% จากปี 2562 เช่นเดียวกับกำไรสุทธิที่ทั้ง 41 บริษัททำได้รวมกัน 3.5 หมื่นล้านบาท แม้จะเพิ่มขึ้น 9.4% จากปี 2563 แต่ยังลดลง 31.4% จากปี 2562

บริษัท Top 3 ในปี 2564 ในส่วนของรายได้รวม ได้แก่ 1. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้รวม 33,510 ล้านบาท 2.เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้รวม 31,981 ล้านบาท และ 3. ศุภาลัย มีรายได้รวม 29,647 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากการขาย 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้จากการขาย 30,879 ล้านบาท 2. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้จากการขาย 30,461 ล้านบาท และ3.ศุภาลัย มีรายได้จากการขาย 28,938 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทที่ทำกำไรสุทธิสูงสุดใน 3 อันดับแรกของปี 2564 ได้แก่ 1. ศุภาลัย มีกำไรสุทธิ 7,139 ล้านบาท 2. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 6,939 ล้านบาท และ 3. เอพี (ไทยแลนด์) มีกำไรสุทธิ 4,543 ล้านบาท

ในปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายลง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังทำให้ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายมีมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีฐานะการเงินที่แข็งแรงเริ่มกลับคืนสู่ตลาด เพราะเริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ทำให้รายได้รวมของทั้ง 41 บริษัทเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีรายได้รวมกันทั้งสิ้น 3.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.3% จากปี 2564 16% จากปี 2563 และเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2562 นับเป็นการเติบโตที่สูงกว่าช่วงก่อนวิกฤติโควิดเป็นครั้งแรก

ในด้านของรายได้จากการขายทั้ง 41 บริษัท ทำได้รวม 3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากปี 2564 เพิ่มขึ้น 3.5% จากปี 2563 โดยมีรายได้จากการขายใกล้เคียงกับปี 2562 ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2565 ของทั้ง 41 บริษัทรวมกันได้ 4.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 37.1% จากปี 2564 และเพิ่มขึ้นถึง 50% จากปี 2563 แต่ยังต่ำกว่ากำไรสุทธิในปี 2562 อยู่ประมาณ 6%

สำหรับ Top 3 ในปี 2565 ในด้านรายได้รวม ได้แก่ 1. เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้รวม 38,706 ล้านบาท 2. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้รวม 36,732 ล้านบาท และ 3.ศุภาลัย มีรายได้รวม 35,501 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากการขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้จากการขาย 37,522 ล้านบาท 2.ศุภาลัยมีรายได้ 34,222 ล้านบาท และ 3. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้จากการขาย 30,752 ล้านบาท

3 บริษัทที่ทำกำไรสูงสุดในปี 2565 ได้แก่ 1. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 8,319 ล้านบาท 2.ศุภาลัย มีกำไรสุทธิ 8,303 ล้านบาท และ 3. เอพี (ไทยแลนด์) มีกำไรสุทธิ 5,876 ล้านบาท

มาถึงบทสรุปสุดท้าย 3 ปี แห่งวิกฤติโควิด-19 ใครคือเจ้าตลาดอสังหาฯตัวจริง

3 ปี อสังหาฯโกยรายได้ 1 ล้านล้าน
แลนด์ฯ-เอพี เจ้าตลาดยุคโควิด-19

ในภาพรวมตลอด 3 ปีที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์ที่รวบรวมข้อมูลมาทั้ง 41 บริษัท มีรายได้รวมรวมกันถึง 1 ล้านล้านบาท สามารถทำรายได้เฉลี่ยต่อปีกว่า 3 แสนล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายรวมกัน 8.6 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 1.1 แสนล้านบาท

บริษัทที่มีรายได้รวมเป็นอันดับ 1 ได้แก่ แลนด์แลนด์เฮ้าส์ มีรายได้รวมตลอด 3 ปีในช่วงวิกฤติโควิด-19 อยู่ที่ 101,300 ล้านบาท เฉือนอันดับ 2 เอพี (ไทยแลนด์) ที่มีรายได้รวม 3 ปีที่ 100,646 ล้านบาท ไปอย่างเฉียดฉิว ส่วนอันดับ 3 เป็นของ แสนสิริ ที่มีรายได้รวม 3 ปีที่ 99,248 ล้านบาท อันดับ 4 พฤกษา โฮลดิ้ง มีรายได้รวม 3 ปีที่ 86,583 ล้านบาท และอันดับ 5 ศุภาลัย มีรายได้รวม 3 ปีที่ 86,117 ล้านบาท

ส่วนบริษัทที่สามารถทำรายได้จากการขายสูงสุดในรอบ 3 ปี อันดับ 1 ได้แก่ เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้จากการขายรวม 3 ปีที่ 97,350 ล้านบาท ส่วนอันดับ 2 เป็นของ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้จากการขายรวม 3 ปีที่ 88,694 ล้านบาท อันดับ 3 เป็นของ แสนสิริ มีรายได้จากการขายรวม 3 ปีที่ 87,445 ล้านบาท อันดับ 4 พฤกษา โอลดิ้ง มีรายได้จากการขายรวม 3 ปีที่ 84,476 ล้านบาท และอันดับ 5 ศุภาลัย มีรายได้จากการขาย 3 ปีที่ 83,496 ล้านบาท

เหนือสิ่งอื่นใดคือกำไรสุทธิ สำหรับ 5 บริษัทที่ทำกำไรสุทธิได้สุงสุดในช่วงวิกฤติโควิด-19 ได้แก่

อันดับ 1 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิรวม 3 ปี 22,380 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิในปี 2565/2564/2563 ที่ 22.8% 21.01% และ 23% ตามลำดับ

อันดับที่ 2 ศุภาลัย มีกำไรสุทธิรวม 3 ปีที่ 19,769 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิในปี 2565/2564/2563 ที่ 23.3% 24.0% และ 20.6% ตามลำดับ

อันดับ 3 เอพี (ไทยแลนด์) มีกำไรสุทธิรวม 3 ปีที่ 14,644 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิในปี 2565/2564/2563 ที่ 15.1% 14.2% และ 14.1% ตามลำดับ

อันดับ 4 ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีกำไรสุทธิรวม 3 ปีที่ 10,353 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิในปี2565/2564/2563 ที่ 28.8% 22.1% และ 25.2% ตามลำดับ

อันดับ 5 พฤกษา โฮลดิ้ง มีกำไรสุทธิรวม 3 ปีที่ 8,065 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิในปี 2565/2564/2563 ที่ 9.9% 8.4% และ 9.5% ตามลำดับ อันดับ

หากดูในภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติควิด-19 ไม่หนักหนาสาหัสกว่าที่คาด เนื่องด้วยที่อยู่อาศัยยังเป็นปัจจัยสี่ที่มียังมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่หลายบริษัทก็ปรับตัวได้เร็ว เร่งระบายสต๊อกเก่า พร้อมกับพัฒนาสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงโควิด โดยเฉพาะความต้องการบ้านแนวราบที่เข้ามาทดแทนคอนโดมิเนียม

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายบริษัทหรือประมาณ 25% ที่ยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา แม้บางรายจะเริ่มพลิกกลับมามีกำไรในปี 2565 แต่ก็ยังต้องใช้เวลารักษาแผลเก่าให้หายขาด ในภาวะที่การฟื้นตัวหลังโควิดยังคงเปราะบาง และยังมีปัจจัยลบที่แทรกซ้อนเข้ามาไม่ขาดสาย บริษัทอสังหาฯจึงยังต้องเผชิญความท้าทายกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทไหนสามารถปรับตัวได้เร็ว คือผู้ที่จะอยู่รอดต่อไป