fbpx
ปก  e1658412791307

อสังหาฯไทยยังไปได้ต่อ ต่างชาติคัมแบ็กช็อปคอนโด-บ้าน 10 ล้านอัพยังฮอต

ไนท์แฟรงค์ ชี้ตลาดอสังหาฯไทยโตได้ต่อ คอนโด Branded Residence 3 ทำเลฮิต วิทยุ หลังสวน และเอกมัย ยังเฉิดฉาย ต่างชาติซื้อลงทุนยาว ขณะที่บ้านราคา 10-20 ล้าน ดีมานด์ยังแข็งแรง ตลาดวิลล่าภูเก็ต รัสเซียแห่ช็อป

นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 มีสัญญาณเชิงบวกจากโครงการใหม่หลายแห่งที่รอเปิดตัว ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่สูงขึ้น การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้น และการเปิดประเทศจีน คาดว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง

คอนโดรอล้างสต๊อกเก่า บ้าน10 ล้านอัพขายดี
ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานครอยู่ในภาวะทรงตัวตลอดทั้งปี 2565 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้โครงการใหม่หลายแห่งต้องชะลอการเปิดตัว ดังนั้น ผู้พัฒนาจึงเน้นการขายโครงการพร้อมอยู่และออกแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้ซื้อ จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการขายโครงการที่ยังค้างอยู่ ขณะที่คอนโดมิเนียมกลุ่ม Branded Residence ยังมีอัตราการขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง อาทิ คนไทย สิงคโปร์ และฮ่องกง มีเป้าหมายซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาว และซื้อเพื่ออยู่อาศัย ในทำเลที่มีศักยภาพสูง และประทับใจการให้บริการระดับ 5-6 ดาว เพราะมองว่าอนาคตราคามีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่และการขายต่อ คอนโดมิเนียมหรูหลายแห่งมีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 การขายต่อคอนโดมิเนียมมีความต้องการและยอดขายสูงในทำเลวิทยุ หลังสวน และเอกมัย ซึ่งรับอานิสงส์กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากต่างชาติหลังการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะกระตุ้นการขายด้วยส่วนลดประมาณ 15%

ทั้งนี้อุปทานรวมในตลาดคอนโดเมื่อไตรมาส 4 ปี 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,953 ยูนิต ส่วนใหญ่อยู่ในชานเมืองกรุงเทพฯ โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่ปรับตัวลดลง 9.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 และลดลง 20.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในด้านความต้องการโครงการใหม่ก็ลดลงเช่นกัน เหลือเพียง 28.8% จาก 30.7% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ซึ่งราคาขายคอนโดมิเนียมในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในทุกพื้นที่เฉลี่ย 0.29% เนื่องจากรัฐบาลยุติมาตรการ LTV ( Loan to Value :LTV)

ขณะที่ผลสำรวจบ้านระดับบนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่า บ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มียอดขาย 19,476 ยูนิต คิดเป็นยอดขาย 79.2% จากทั้งหมด 24,602 ยูนิต โดยมีอัตราการขายที่ลดลง 3.9% จากครึ่งแรกของปี 2565 แต่ก็เพิ่มขึ้น 1.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งเป็นผลจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นสองเท่าของอุปทานที่มีเหลืออย

คอนโดภูเก็ตยังเฉา วิลล่าบูมรัสเซียแห่ซื้อ
สำหรับตลาดอสังหาฯในภูเก็ตยังเป็นตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อพักผ่อนที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่อยู่บริเวณหาดบางเทามากถึง 45% รองลงมาเป็นที่หาดลายัน 31% และอื่นๆ ในภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ตช่วงปลายปี 2565 มีคอนโดมิเนียมขายได้รวม 18,613 ยูนิต จาก 24,211 ยูนิต คิดเป็นยอดขาย 76.9% ลดลงจากปี 2564 ขณะที่ในปัจจุบันยังมียูนิตเหลือขายอยู่ในตลาด 5,598 ยูนิต โดยภาพรวมคาดว่าตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติเหมือนช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ได้ภายใน 1-2 ปี

ส่วนตลาดวิลลามีแนวโน้มที่สดใส โดยที่อุปสงค์และอุปทานเติบโตทั้งการซื้อและเช่า จากกำลังซื้อที่เกิดขึ้นพบว่าชาวต่างชาติบางคนสนใจซื้อบ้านที่ภูเก็ตไว้เป็นบ้านหลังที่สอง ในขณะที่บางคนสนใจเช่าวิลลามากกว่าคอนโดมิเนียม เพราะต้องการสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับครอบครัว และยังสามารถปล่อยเช่า สร้างผลตอบแทนได้ 8-10% ต่อปี โดยในช่วงปลายปี 2565 วิลลาในภูเก็ตขายได้รวม 3,595 จากทั้งหมด 4,375 ยูนิต คิดเป็นอัตราขาย 82.1% เพิ่มขึ้น 1% จากปี 2564 ที่มียูนิตใหม่ขายได้ 341 ยูนิต

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดวิลล่าเป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้ามาในไทยด้วยเหตุผลต้องการหนีภาวะสงคราม และเพื่อท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประเทศที่จะประกาศห้ามโอนเงินข้ามประเทศหรืออาญัติบัญชี ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมประเภทเดบิตได้ในอนาคต โดยทำเลที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาวิลล่ามากที่สุดอยู่ในพื้นที่ตำบลเชิงทะเล แม้ไม่ติดชายหาด แต่เป็นทำเลใกล้ภูเขาและป่าไม้บรรยากาศโดยรวมเงียบสงบกว่าและเหมาะแก่การพักผ่อน

ด้านนายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว โดยขณะนี้ชาวรัสเซียมีสัดส่วนมากถึง 40-60% จากลูกค้าทั้งหมด หากเทียบกับเมื่อก่อนจะมีสัดส่วนเพียง 10-15% เท่านั้น โดยความสนใจจะอยู่ที่ทำเลหาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดบางเทา เชิงทะเล (ลากูนา) และหาดในทอน ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวขยับขึ้นอีก 15-20% ทั้งนี้คาดว่าความต้องการของลูกค้ารัสเซียจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยการตัดสินใจซื้อจะมองเรื่องทำเล ราคาขาย และชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งนอกจากชาวรัสเซียแล้วยังมีความต้องการจากลูกค้าชาวจีนสนับสนุนเข้ามาอีกทางหนึ่ง