fbpx

6 แนวทางการออกแบบให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

วันนี้หลายคนคงได้กลับเข้ามาเคลียร์งานหลัง Work from Home กันมาพักใหญ่ บรรยากาศเดิมๆ ที่ไม่เหมือนเดิมของชาวออฟฟิศเริ่มขึ้นพร้อมกับคำถามในใจว่า “แล้วเราจะปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือไม่ทั้งๆ ที่เราฉีดวัคซีนครบแล้วนะ”

Property Mentor ขอนำเสนอแนวทางการออกแบบสำนักงานในโลกหลังโควิด-19 เพื่อให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยในสถานที่ทำงาน ซึ่งนับจากนี้ไปการทำงานของคนออฟฟิศจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปด้วยรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป

เทรนด์การทำงานได้จากทุกที่ Work from Anywhere หรือ WFA มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นกระแสใหม่ พนักงานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเทรนด์นี้สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่ตลาดพื้นที่เช่าอาคารสำนักงาน และลดข้อจำกัดในการจ้างบุคลากร เพราะเจ้าของกิจการสามารถจ้างผู้ที่มีความสามารถที่ดีที่สุดที่มีอยู่โดยไม่มีข้อจำกัดทางด้านที่อยู่อาศัย และความยืดหยุ่นนี้เองที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน

เทรนด์ Hybrid office model รูปแบบสำนักงานแบบไฮบริดเป็นรูปแบบของสำนักงานที่เหมาะกับการทำงานที่มีทีมงานกระจายหลายพื้นที่ แล้วใช้สำนักงานเป็นสถานที่สำหรับให้พนักงานมาพบปะ ทำงานร่วมกัน และติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจากสำนักงานแบบเดิม แล้วจากนั้นก็ทำงานทางไกลในช่วงเวลาที่เหลือ พนักงานจะไม่มีสำนักงานเฉพาะ แทนที่จะทำงานจากพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันและโต๊ะทำงานในออฟฟิศ เปลี่ยนเป็นทำงานจากที่ใดก็ได้แล้วร่วมประชุมทีมที่ออฟฟิศตามตารางเวลาที่กำหนด

รูปโดย Newmark Knight Frank

เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป เทรนด์การออกแบบสำนักงานก็เปลี่ยนตามไปด้วยเช่นกัน

1.เวิร์คสเตชั่น จะให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางกายภาพ
การจัดวางเลย์เอาต์ใหม่กลายเป็นสิ่งที่ควรลงทุน โต๊ะทำงานของแต่ละคนจะใหญ่ขึ้นเพื่อสร้างขอบเขตระยะห่างทางสังคมที่เหมาะสม หรือเราจะเพิ่มพื้นที่ว่างระหว่างโต๊ะ โต๊ะที่ครั้งหนึ่งสามารถนั่งคนได้ 8 คน จากนี้ไปอาจต้องนั่งได้เพียง 3 คน โดยพนักงานอีก 5 คนอาจทำงานจากที่บ้านได้ แต่หากออฟฟิศของคุณเป็นธุรกิจที่ผู้คนไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ส่วนใหญ่ก็จะต้องลงทุนในโต๊ะทำงานแบบใหม่รองรับหลักเกณฑ์ใหม่ที่เปลี่ยนไป

2.เพิ่มพื้นที่เปิดโล่งเพื่อการระบายอากาศ
เราทราบดีว่าการระบายอากาศที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของ โควิด-19 และเชื้อโรคอื่นๆ และการมีพื้นที่เปิดที่คุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ จะช่วยปรับการระบายอากาศในสำนักงานได้อย่างรวดเร็ว หากคุณไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้หรือไม่สามารถระบายอากาศได้ทั่วทั้งพื้นที่ อาจถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับปรุงสำนักงานให้มีระบบระบายอากาศที่ดี และควบคุมคุณภาพอากาศในสำนักงานทุกวันหยุดสุดสัปดาห์

3.เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ และการตกแต่ง ที่ดูแลรักษาความสะอาดง่าย
การเลือกใช้วัสดุตกแต่งจะมีความพิถีพิถันมากขึ้น ของที่ใช้ต้องง่ายต่อการฆ่าเชื้อและต้านจุลชีพ และเครื่องใช้สำนักงานควรมีเทคโนโลยีที่จำกัดการสัมผัส

4.ห้องประชุมที่มีขนาดเล็กลง
เพราะการลดความหนาแน่นของสำนักงาน แต่ละสำนักงานจะเปิดรับการทำงานที่ยืดหยุ่นและอนุญาตให้พนักงานสื่อสารออนไลน์มากขึ้น แต่มีบางส่วนงานที่ยังคงทำงานจากสำนักงาน จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับให้คน 2-3 คนทำงานในห้องประชุมขนาดเล็ก ในขณะที่ยังคงรักษาระยะห่างทางสังคมได้ เพื่อสื่อสารกับผู้ที่ทำงานจากที่บ้าน ซึ่งหมายความว่าอาจถึงเวลาที่ต้องปรับปรุงระบบการสื่อสารออนไลน์ภายในสำนักงานด้วย

5.สื่อสารเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการใช้พื้นที่สำนักงาน
เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานรักษาระยะห่างทางสังคมที่เหมาะสม และลดความหนาแน่นในขณะที่ใช้พื้นที่ส่วนรวม ควรมีตารางเวลาเพื่อประเมินการใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง และเพื่อบริหารจัดการช่วงเวลาทำความสะอาดและการลดความหนาแน่น

6.พื้นที่สำนักงานที่ไม่ธรรมดาพร้อมแผนผังชั้นที่ไม่ซ้ำใครเพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการทำงาน
เมื่อพนักงานรู้สึกสบายใจกับการทำงานที่ยืดหยุ่นและการเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น พวกเขาอาจชอบพื้นที่ทำงานที่ไม่ธรรมดาและแผนผังชั้นที่ทำให้พวกเขาปลอดภัยและมีสุขภาพดีขึ้น เช่น

  • การเพิ่มพื้นที่กลางแจ้ง อากาศธรรมชาติ เฉลียงส่วนตัว บนชั้นดาดฟ้าที่ใช้ร่วมกัน ลานกลางแจ้ง และความใกล้ชิดกับสวนสาธารณะ กลายเป็นสิ่งที่ควรมีสำหรับสำนักงานยุคใหม่
  • บันไดภายในสำนักงาน ผสมผสานความเขียวขจีและการไหลของอากาศตามธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความรู้สึกว่ามี “พื้นที่ใช้สอย” เป็นสองเท่า
  • เพดานสูง เปิดโล่ง พร้อมด้วยพื้นที่อำนวยความสะดวกในอาคาร : ห้องจักรยาน ห้องอาบน้ำ ฟิตเนส และห้องอาหาร กลายเป็นสิ่งที่ควรจัดให้มี และทั้งหมดนี้คือ 6 แนวทางการออกแบบสำนักงานในโลกหลังโควิด