fbpx
เปิดคฤหาสน์หรูริมทะเลสาบ 1

TerraBKK เผยผู้บริโภคผวาโควิด ตัดสินใจลดงบ-ชะลอซื้อบ้าน

new normal

TerraBKK เผยผู้บริโภคผวาโควิดกระทบเงินในกระเป๋า ตัดสินใจลดงบประมาณ-ชะลอการซื้อบ้าน-คอนโด แต่หลังรัฐคลายล็อคความเชื่อมั่นเริ่มเป็นบวก ขณะที่ทาวน์โฮมราคาไม่เกิน 3 ล้าน คอนโดราคาถูก ยังมีความต้องการต่อเนื่อง

นางสาว สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวว่า TerraBKK ได้สำรวจ “ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ช่วงโควิด-19” จากแบบสอบถามออนไลน์ จากกลุ่มตัวอย่าง 430 คน อายุ 20 ถึง มากกว่า 60 ปี ระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึงสิงหาคม 2564 พบว่า ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 มีการแพร่ระบาดหนัก ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความกังวลและขาดความเชื่อมั่น กระทบต่อพฤติกรรมการซื้ออสังหาฯ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่กว่า 66% เห็นว่าโควิด-19 ระลอกนี้มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหา และจำเป็นต้องเลื่อนหรือชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปก่อน อีก 22% เห็นว่าโควิด-19 ไม่มีผลกระทบ โดยยังคงตัดสินใจซื้ออสังหาอยู่ และ 12% ระบุว่า โควิด-19 มีผลกระทบ ทำให้เปลี่ยนใจไม่ซื้ออสังหาฯแล้ว

บ้าน-คอนโดต่ำกว่า 3 ล้านกระทบหนักสุด
สำหรับที่อยู่อาศัยบ้าน-คอนโดฯ ในกลุ่มระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ ระบุว่าต้องการเลื่อนการซื้อออกไปก่อน ส่วนกลุ่มระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 43% ยังคงตัดสินใจซื้ออสังหาฯในช่วงนี้ แสดงให้เห็นว่าบ้านกลุ่มลักชัวรี่ยังสามารถไปต่อได้ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

เมื่อมาดูในรายละเอียด พบว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 78% ที่คิดว่าโควิด-19 มีผลต่อการซื้ออสังหาฯในช่วงนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลด้านเศรษฐกิจ, ความกังวลต่อสถานการณ์โรคระบาด ที่อาจรุนแรงมากขึ้น, การงานและรายได้ที่ไม่มั่นคง, จำเป็นต้องเก็บเงินสดไว้ก่อน และปัญหารายได้ที่ลดลง

ส่วนกลุ่มที่เห็นว่าโควิด-19 ไม่มีผลกระทบกับการซื้ออสังหาฯราว 22% เห็นว่าช่วงนี้เป็นโอกาสดี จากหลายปัจจัยบวก อาทิ ราคาอสังหาฯลดลดทำให้น่าซื้อ, ทำเลดีที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต, มีความจำเป็นต้องซื้อที่อยู่อาศัย, โปรโมชั่นดี ฟรีค่าใช้จ่ายและของแถมต่างๆ, อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ

ทั้งนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อพฤติกรรมการซื้ออสังหาฯในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท ที่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าต้องมีการปรับลดงบประมาณการซื้อบ้านลง รวมถึงมองหาโครงการจากผู้พัฒนาอสังหาฯที่เชื่อถือได้ ที่มีการจัดโปรโมชั่นเยอะๆ บนทำเลนอกเมือง ส่วนกลุ่มราคามากกว่า 10 ล้านบาท ในช่วงนี้ส่วนใหญ่ต้องการบ้านพักตากอากาศต่างจังหวัด, เปลี่ยนจากคอนโดฯเป็นบ้านแนวราบ และต้องการขยับทำเลเข้ามาใกล้เมืองมากขึ้น

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าใช้พิจารณาในการซื้ออสังหาฯช่วงนี้ ในทุกกลุ่มส่วนใหญ่เห็นว่า การออกแบบพื้นที่ที่เน้นความเป็นส่วนตัวของทุกคนในครอบครัว ฟังก์ชั่นการใช้งานในบ้านหรือพื้นที่ส่วนกลางต้องตอบโจทย์ได้ดีในช่วง WFH มีพื้นที่ทำอาหารที่กว้างขึ้น ระบบระบายอากาศภายในบ้านต้องรองรับการใช้งานได้ดี มีพื้นที่สีเขียว มีนวัตกรรมหรือระบบ Home Automation ภายในบ้าน และที่สำคัญโครงการจะต้องมีบริการหลังการขายที่ดีจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้

อย่างไรก็ดี หลังจากคลายล็อกดาวน์ ผู้บริโภคเริ่มส่งสัญญาณบวก มีความมั่นใจในการจับจ่ายมากขึ้น ซึ่งช่วงนี้นับเป็นโอกาสดี ที่ผู้ประกอบการนำสินค้ามาจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นควมต้องการซื้อของลูกค้าได้มากขึ้น

ทาวน์โฮม-คอนโดราคาถูกยังมีดีมานด์
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ข้อมูลล่าสุดจาก Terra Byte พบว่า ราคาเปิดใหม่ของโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเติบโตขึ้นเฉลี่ย 7% ต่อปี ขณะที่สัดส่วนของตลาดลักชัวรี่ เพิ่มขึ้นเป็น 33% ของตลาด โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 12 ล้านบาท ขณะที่ทาวน์โฮมราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด

ในโซนกรุงเทพฯรอบนอก-ปริมณฑล เป็นทำเลยอดนิยมของที่อยู่อาศัยแนวราบ มีอัตราการดูดซับสูงสุดที่ 5.6 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ โดย 5 โซนยอดนิยมคือ หนองจอก, พระสมุทรเจดีย์, เมืองสมุทรปราการ, บางใหญ่ และบางพลี ทั้งนี้โซนบางนา ยังคงครองแชมป์โครงการแนวราบเปิดตัวใหม่สูงที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2564

ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดฯ ราคาต่ำกว่าแสนบาทต่อตร.ม. (ราคาเฉลี่ย 60,000-80,000 บาท ต่อ ตร.ม.) โดยทำเลใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู มีคอนโดฯ โครงการใหม่เพิ่มขึ้นราว 20% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 57,000 บาท ต่อตร.ม.

ในส่วนตลาดคอนโดฯ ต้องจับตาคอนโดฯในกลุ่ม Economy (ราคาเฉลี่ย 50,000-70,000 ต่อ ตร.ม.) ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถตอบโจทย์กำลังซื้อของคนในยุคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ซึ่งคอนโดฯ กลุ่มนี้มักจะอยู่ในทำเลเมืองชั้นนอก หรืออยู่ตามแนวรถไฟฟ้าในระยะที่เดินไม่ได้ เหมาะสำหรับ First Jobber ที่อยากมีคอนโดฯหลังแรก โดยปัจจุบันก็มีผู้ประกอบการที่โดดลงมาเล่นในตลาดนี้และได้กระแสตอบรับที่ดี

เผยเทรนด์บ้านต้องตอบโจทย์คนทุกวัย
“สำหรับเทรนด์อสังหาฯนับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป เราเริ่มเห็นแนวโน้มการซื้อที่อยู่อาศัยจะเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมผู้บริโภค โดยคนส่วนใหญ่จะหันมาให้ความสำคัญกับพื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์รอบด้าน อาทิ การผสมผสานพื้นที่สีเขียวให้เข้ามาอยู่ภายในตัวบ้านทุกส่วนได้อย่างกลมกลืน ตามกระแสการปลูกต้นไม้ในตอนนี้ รวมถึงการสร้างระบบนิเวศภายในโครงการเพื่อผู้อยู่อาศัยในทุกช่วงวัย

เช่น กลุ่มคนทำงานต้องการพื้นที่ทำกิจกรรมทั้งภายในบ้าน-พื้นที่รอบบ้าน กลุ่มผู้สูงอายุ ต้องเพิ่มการใช้ระบบ IOT มีนวัตกรรมภายในบ้านเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น และต้องให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นปรับระบบไฟฟ้าส่องสว่างภายในที่พักอาศัยโดยเฉพาะห้องทำงานและห้องนอน เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตอยู่ภายในที่พักอาศัยตลอด 24 ชั่วโมง เหล่านี้นับเป็นเทรนด์ที่ผู้พัฒนาต้องให้ความใส่ใจมากขึ้น เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีความสมดุล” คุณสุมิตรา กล่าวทิ้งท้าย