วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะเดินหน้าโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 วงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยให้ผู้สนใจเข้าไปลงทะเบียนเพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการ ผ่าน Mobile Application : GHB ALL เริ่มตั้งแต่ 09.00 น. เป็นต้นไป และสามารถทำนิติกรรมได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2566 หรือก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ
เงื่อนไขของโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 มีอยู่ว่า ธอส.จะปล่อยเงินกู้ เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในราคาซื้อขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ หรือที่อยู่อาศัยมือสอง และจะเป็นทรัพย์ NPA ของธอส. หรือเพื่อปลูกสร้างและซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมซื้อบ้านหรือห้องชุดก็ได้ทั้งนั้น
ผ่อนปรนเงื่อนไขบ้านล้านหลังกู้ได้ง่ายขึ้น
สำหรับกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมายของโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 นี้ ก็คือ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
ที่พิเศษไปกว่านั้น นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) บอกว่า เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีบ้านเป็นของตนเอง ธอส.จึงได้ผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสได้รับวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ประกอบอาชีพประจำหรืออาชีพอิสระ
ธนาคารเปิดให้นำหลักฐานการชำระค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนชำระเงินดาวน์บ้านไม่น้อยกว่า 12 เดือนมาใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ และหากไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของรายได้ให้ธนาคารพิจารณาได้ ให้ลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Financial Literacy และออมอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 9 เดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานการพิจารณาสินเชื่อกับธนาคารได้ต่อไป
เรียกได้ว่า พยายามผ่อนปรนทุกๆ ช่องทางให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านได้อย่างเต็มที่
ดอกเบี้ยคงที่ 4 ปี 1.99% ต่ำสุดในตลาด
มาที่อัตราดอกเบี้ยสำหรับโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ถือว่าถูกสุดๆ ถูกกว่า ดอกเบี้ยบ้านล้านหลังระยะที่ 1 ที่ให้ดอกเบี้ยคงที่ 3% ใน 3-5 ปีแรก และถือว่าถูกกว่าดอกเบี้ยบ้านในท้องตลาด ณ เวลานี้
โดยธอส.จัดอัตราดอกเบี้ยพิเศษมาให้ เป็นดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี ขึ้นปีที่ 5-7 คิดดอกเบี้ยเท่ากับบ MRR -2% ต่อปี เมื่อผ่อนเข้าปีที่ 8 ไปจนถึงตลอดอายุสัญญาถ้าเป็นลูกค้ารายย่อยทั่วๆ ไป ธอส.คิดดอกเบี้ยเท่ากับ MRR -0.75% ต่อปี
ส่วนกรณีลูกค้าสวัสดิการ คิดดอกเบี้ยเท่ากับ MRR -1% ต่อปี และในกรณีกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก คิดดอกเบี้ยเท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารอยู่ที่ 6.150% ต่อปี แต่ในอนาคตอาจจะปรับขึ้น ปรับลงก็แล้วแต่สถานการณ์ ณ เวลานั้น) โดยให้ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี
รายได้หมื่นต้นๆ ก็กู้ซื้อบ้านราคา 1.2 ล.ได้
ถ้าซื้อบ้านหรือคอนโดในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท โดยใช้สินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ผู้กู้จะต้องมีรายได้เท่าไหร่?
ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพ ถ้ากู้ 1.2 ล้านบาท ผ่อน 7 ปีแรก หรือ 84 งวดแรกซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ ธอส.ประเมินไว้ว่าจะผ่อนชำระงวดละ 5,000 บาท เท่ากับว่า ถ้ามีรายได้ 1 หมื่นบาทต้นๆ โดยไม่มีภาระหนี้อื่นๆ ก็ซื้อบ้านหรือคอนโดได้แล้ว ถ้าเป็นแบงก์อื่นๆ กู้ตอนนี้ต้องมีรายได้ไม่น้อยกว่า 16,000-17,000 บาท/เดือน และต้องผ่อนเดือนละ 6,500-7,000 บาท
นอกจากนี้ ธอส. ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการมีบ้านให้กับลูกค้าด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ประเภท ประกอบด้วย 1.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2.ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) 3.ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท ต่อราย) และ 4.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)
เช็กสต๊อกบ้าน 1.2 ล้าน ของยังขาดตลาด
คำถามที่ตามมาก็คือ บ้านหรือคอนโด ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท มีอยู่มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องบอกตามจริงว่า หายากอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีให้หาซื้อเอาซะเลย ถ้าในกทม.-ปริมณฑล ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ก็คงได้เป็น ทาวน์เฮ้าส์กับคอนโดรอบๆ ชานเมือง ส่วนต่างจังหวัดบางทีอาจจะมีบ้านเดี่ยวชั้นเดียวให้หาซื้อได้บ้าง
มาดูตัวเลขของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ทำการสำรวจไว้ พบว่า ที่อยู่อาศัยที่เหลือขายใน 27 จังหวัดที่ทำการสำรวจราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มีเพียง 4,103 หน่วย คอนโดเหลือเพียง 370 หน่วย เป็นบ้านจัดสรร 3,733 หน่วย ขณะที่ที่อยู่อาศัยเหลือขายราคา 1-1.5 ล้านบาทมีอยู่อีก 15,893 หน่วย เป็นคอนโด 8,560 หน่วย และบ้านจัดสรร 7,333 หน่วย ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ประเมินคร่าวๆ ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ไม่น่าจะมีถึง 10,000 หน่วย
ขณะที่สินเชื่อที่จะปล่อยในโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 วงเงิน 20,000 ล้านบาท จะปล่อยกู้ให้คนซื้อบ้านได้ประมาณ 25,000-26,000 หน่วย (โดยคิดค่าเฉลี่ยอ้างอิงจากการปล่อยกู้ในโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 1 ที่สามารถปล่อยกู้ไปในวงเงินรวม 40,000 ล้านบาท จำนวน 53,000 ราย หรือเฉลี่ยปล่อยกู้รายละ 750,000-800,000 บาท) นั่นแสดงว่า บ้าน-คอนโดราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท สำหรับโครงการสินเชื่อบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 นี้ยังขาดตลาดอยู่อีกไม่น้อยกว่า 15,000 หน่วย หรือดีไม่ดีอาจจะถึง 20,000 หน่วยเลยด้วยซ้ำ
ซึ่งที่ผ่านมา ธอส. ได้จัดสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) สำหรับโครงการบ้านล้านหลัง ทำให้มีที่อยู่อาศัยใหม่ในระดับราคาซื้อขายไม่เกิน 1,200,00 บาท ให้กับประชาชนได้เลือกซื้อเพิ่มขึ้นกว่า 3,500 หน่วย โดยมีผู้ประกอบการได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว 9 โครงการ วงเงินสินเชื่อกว่า 946 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีก 3 โครงการ วงเงินสินเชื่อ 439 ล้านบาท ก็ถือว่ายังห่างไกลจากธงที่ตั้งไว้
บ้าน-คอนโดราคาถูกๆ มีอยู่ที่ไหนบ้าง?
อย่างไรก็ตาม ยังมีทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถหาซื้อบ้าน-คอนโด ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทได้ ทางหนึ่งก็คือ บ้านมือสองของธอส. หรือทรัพย์ NPA ทั่วประเทศ ที่ธอส.คัดมาสมทบจำนวนกว่า 1,500 รายการ พร้อมด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 50% จากราคาจำหน่ายปกติ ที่นำมาเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 แถมยังลดภาระค่าใช้จ่ายให้อีก 3 ต่อสำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ NPA คือ
- ต่อที่ 1 เลือกใช้มาตรการผ่อนดาวน์ดอกเบี้ย 0% นานถึง 12 เดือน ก่อนยื่นกู้โดยใช้อัตราดอกเบี้ยของโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2
- ต่อที่ 2 ฟรีค่าประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก สำหรับลูกค้า 150 รายแรก ที่ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 2 เดือน นับจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย
- ต่อที่ 3 วางเงินประกันการซื้อทรัพย์เพียง 5,000 บาท ทุกรายการ
สามารถดูข้อมูลทรัพย์ NPA ที่เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังได้ที่ www.ghbhomecenter.com หรือ Mobile Application : G H Bank Smart NPA และ Line Official Account : @GHB NPA
อีกช่องทางก็คือ บ้านราคาถูกของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งยังมีบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ทาวน์เฮ้าส์ หรือบ้านเดี่ยว และคอนโด ราคาถูกๆ ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ทั้งกทม. และตจว. ให้เลือกซื้ออีกเพียบ
ขณะที่โครงการของภาคเอกชนก็ยังพอหาซื้อได้ เนื่องจากบริษัทอสังหาฯ หลายรายก็พยายามลงมาทำตลาดบ้าน-คอนโดราคาถูกกันอยู่พอสมควร อย่างเช่นบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ทำคอนโดถูกราคาไม่เกินล้านภายใต้แบรนด์ “เสนาคิทท์” มาอย่างต่อเนื่อง หรือบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็เตรียมที่จะเปิดตัวคอนโดแบรนด์ใหม่ราคาไม่ถึงล้านบาทเช่นเดียวกัน
ขณะที่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท และบริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ ก็มีคอนโดบางตัวที่ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท และยังต้องจับตา บริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ ที่มีแผนจะพัฒนาคอนโดแบรนด์ รีเจ้นท์โฮม รองรับโครงการบ้านล้านหลังถึง 50,000 หน่วย ว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่อย่างไร หลังจากเริ่มเดินหน้าโครงการบ้านล้านหลังในระยะที่ 2
นอกจากบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ๆ แล้วยังมีบริษัทอสังหาฯรายกลาง รายเล็กทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดที่ยังพัฒนาโครงการราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท โดยสามารถค้นหาได้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์ค้นหาบ้าน ก็จะพบโครงการในราคา และทำเลที่ต้องการ แต่ก็ต้องอัพเดตกับทางโครงการว่ามีของเหลืออยู่หรือไม่ (ตัวอย่างบ้าน-คอนโดไม่เกินล้านจาก baania.com)
คาดว่าหลังจากคิกออฟโครงการบ้านล้านหลังในระยะที่ 2 น่าจะทำให้ตลาดบ้าน-คอนโด ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงปีหน้าคึกคักขึ้นอย่างแน่นอน