ยังมีเรื่องที่ต้องติดตามกันอย่างต่อเนื่อง กรณีศาลปกครองมีคำพิพากษาให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการแอชตัน อโศก ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งล่าสุดตัวแทนผู้อยู่อาศัยในโครงการก็ได้ออกมาสะท้อนความรู้สึก ความคาดหวัง และฝากคำวิงวอนไปถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่รู้ว่า คอนโดที่อยู่อาศัยและเป็นเจ้าของโดยสุจริต อาจจะถูกทุบทิ้งตามคำสั่งของศาล ทำให้ช็อคไปตามๆ กัน
ตัวแทนลูกบ้านได้ชี้แจงว่า โครงการแอชตัน อโศกมีกันอยู่กว่า 600 ครอบครัว มีคนเข้าอยู่อาศัยในโครงการกว่า 1,000 คน มานานเกือบ 2 ปี ทั้งที่เป็นคนไทย และชาวต่างชาติกว่า 140 ครอบครังจาก 20 ประเทศทั่วโลก
ซื้อมาอย่างถูกต้อง มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
หลังจากที่ทราบข่าวคำตัดสินของศาลก็ถึงกับช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร เพราะก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ พวกเราก็ได้พิจารณาข้อมูลต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งก่อสร้างก็ผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องมากมาย และยังผ่านการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม หรือการขอ EIA ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่า เป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากและใช้เวลานานมาก กรมที่ดินก็ออกโฉนดให้และอนุมัติการโอน
พวกเราได้เช็คมาทั้งหมด ผ่านในจุดที่สร้างความเชื่อมั่นของการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนๆ หนึ่งมาทั้งหมดขนาดนี้แล้ว พวกเราจึงตกใจและเสียใจมากว่าเรามาอยู่จุดนี้ได้อย่างไร”
เราได้เช็คข้อมูลต่างๆ ตั้งแต่โครงการสร้างขึ้นมาและเปิดขายว่า ทางอนันดาได้ดำเนินการอะไรมาแล้วบ้างก่อนที่โครงการจะได้เริ่มสร้าง ก็ได้รับการชี้แจงว่า ผ่านขั้นตอนตามกฎหมายอย่างถูกต้องมาแล้วทั้งหมดทั้งการได้รับอนุมัติจาก 8 หน่วยงานราชการ ได้รับใบอนุญาตต่างๆ ถึง 9 ฉบับ ได้ผ่านการหารือเบื้องต้นก่อนการก่อสร้างถึง 7 หน่วยงาน ผ่านคณะกรรมการต่างๆ 5 ชุด และที่สำคัญโครงการนี้เป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเคร่งครัดในเรื่องของกฎระเบียบมากๆ
ซึ่งทางอนันดาก็ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างถูกต้องทุกอย่าง เช่นเดียวกับที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่นๆทั่วประเทศปฏิบัติกัน แต่ทำไมถึงมีการตัดสินย้อนหลังได้ ทั้งๆ ที่อาคารก็ได้มีการขออนุมัติต่างๆ จนสร้างเสร็จแล้วมีการโอนและเข้าอยู่มาแล้วกว่า 2 ปี
ใบอนุญาตรัฐไร้ความน่าเชื่อถือ ผู้บริโภคจะพึ่งใคร
ตัวแทนผู้อยู่อาศัยในโครงการแอชตัน อโศก ย้ำว่า ในเบื้องต้นเราเคารพในการตัดสินของศาลและกฎหมายบ้านเมืองในประเทศของเรา แต่จากข้อมูลที่เราได้รับ ปัญหาเกิดขึ้นจากการตีความทางกฎหมาย ว่าชอบหรือไม่ชอบ และหากว่าพิจารณาจากสิ่งก่อสร้างที่เป็นลักษณะเดียวกันกับโครงการนี้ก็ยังมีอีก 13 โครงการ เฉพาะที่ทำกับรฟม.ก็มี 6 โครงการ หากใบอนุญาตในโครงการต่างๆ ได้ถูกเพิกถอน ในกรณีเช่นเดียวกันนี้ เจ้าของคอนโดทุกรายก็จะได้รับผลกระทบในวงกว้าง
มีคำถามต่อไปอีกว่าต่อจากนี้เราจะยังคงเชื่อถือใบอนุญาตที่ออกโดยหน่วยงานราชการที่ออกให้เจ้าของโครงการ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาตัดสินใจซื้อห้องชุดในโครงการต่างๆ ได้อย่างไร
ถึงแม้ว่าคดีจะยังไม่ถือว่าสิ้นสุด แต่ ณ เวลานี้พวกเรากว่า 1,000 ชีวิตก็ได้รับผลกระทบเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีความเลย ทั้งทางด้านจิตใจ ความมั่นคงในชีวิต และทางการเงิน ซึ่งหลายคนก็ลำบากจากสภาวะเศรษฐกิจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหนักขึ้นไปอีก
คอนโดเถื่อน! หลักประกันไม่มั่นคง หมดสิทธ์ทำธุรกรรม
แม้ว่าคดีจะยังไม่สิ้นสุดลงและยังต้องใช้เวลาพิจารณาอีก 3 ปี 5 ปี แต่ปัญหาต่างๆ ตอนนี้ได้เกิดกระทบกับทางลูกบ้านแล้ว โดยสิ่งที่ลูกบ้านต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้หลักๆ ก็คือ
เรื่องแรกก็คือการขอรีไฟแนนซ์กับทางธนาคารถูกปฏิเสธในทันที โดยธนาคารได้ให้เหตุผลว่า คอนโดถูกระงับใบอนุญาตก่อสร้าง และไม่มีความมั่นคงเพียงพอ
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องของความมั่นคงในชีวิต เพราะตอนนี้คอนโดเหมือนถูก freeze ไม่มีใครอยากทำนิติกรรมด้วย กลายเป็นคอนโดเถื่อน
“ลูกบ้านหลายท่านซื้อคอนโดให้กับลูกหลาน ก็ไม่สามารถที่จะโอนต่อไปให้ลูกหลานได้ หลายๆ ท่านทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินซื้อคอนโดเป็นที่อยู่อาศัย แต่การทำงานหนักกลับต้องมารับผลตอบแทนแบบที่ไม่รู้ว่าจะผ่อนไปเพื่ออะไร ผ่อนไปแล้วได้อะไร สภาพคอนโดต่อไปจะเป็นอย่างไร นี่คือคำถามที่ยังไม่มีคำตอบในใจของพวกเรา”
หรือในกรณีที่หนักๆ ก็คือ ลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ มีปัญหาทางเศรษฐกิจมากจนถึงขั้นอยากจะขายคอนโด เพื่อนำเงินมารักษาสภาพคล่องก็ทำได้ยากเช่นเดียวกัน เพราะตอนนี้การทำนิติกรรมต่างๆ มันเป็นไปได้ยากกับคอนโดแอชตัน อโศก
สะเทือนความเชื่อมั่นต่างชาติลงทุน-ซื้อคอนโด
เรื่องที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย เพราะคอนโดนี้มีลูกบ้านที่เป็นชาวต่างชาติจากหลายประเทศทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเช่นกัน บางท่านทำงานอยู่ที่เมืองไทย ชอบและรักประเทศไทยจึงอยากที่จะซื้อบ้านเป็นที่พักอาศัยในเมืองไทย แต่ต้องกลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
บางท่านอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามาที่เมืองไทยได้ ก็ยิ่งกังวลหนักเข้าไปอีกว่าคอนโดจะถูกทุบทิ้งหรือไม่ เงินของเขาจะกลายเป็นศูนย์ โดยที่เขาจะต้องเป็นหนี้ไปอีก 30 ปี และเขาจะต้องทำอย่างไร เขานึกเสียใจมากๆ ที่ตัดสินใจซื้อบ้านในประเทศไทย พวกเราในฐานะลูกบ้านและเป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันก็ได้แต่พยายามให้ข้อมูลกับเขาให้ได้มากที่สุด และช่วยเขาเท่าที่เราจะช่วยกันได้
ลูกบ้านชาวต่างชาติรายหนึ่ง บอกว่า อยู่เมืองไทยมา 11 ปี เพราะด้วยความรักในเมืองไทย รักในวัฒนธรรมของไทย และรักอาหารไทย และมีความฝันที่จะซื้อคอนโดในเมืองไทย เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองถึงการประสบความสำเร็จบางอย่างในชีวิต
ฝันสลาย ซื้อคอนโดอยู่เมืองไทยแต่จะถูกทุบ
“ผมได้ซื้อโครงการแอชตัน อโศก เพราะเป็นโครงการที่สวยงาม อยู่ในทำเลที่ดี และใกล้ที่ทำงาน ซึ่งมันไม่ง่ายเลยและต้องทำเรื่องมากมายหลายอย่างกับธนาคาร แต่เมื่อผมได้ยินข่าวที่เกิดขึ้นว่าคอนโดมีคำพิพากษาให้รื้อถอน ยิ่งทำลายความหวังที่จะพิสูจน์ความสำเร็จของตัวเองให้แตกออกเป็นชิ้นๆ ทั้งหมดมันพังทลายลง และยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ 4 หรือ 5 ปี มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับผมและลูกบ้านทุกคน และอยากขอความเห็นใจ ขอให้ช่วยเหลือพวกเราด้วย” ลูกค้าต่างชาติรายหนึ่งกล่าว
ขณะที่ตัวแทนผู้อยู่อาศัย ชี้แจงต่ออีกว่า นอกจากนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะสะท้อนไปที่ความเชื่อมั่นต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย ภาพลักษณ์การลงทุนและความเชื่อมั่นกับภาครัฐต่อนักลงทุนจากทั่วโลก ใครจะกล้ามาลงทุนในประเทศไทยถ้าต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันแบบนี้
“สิ่งที่เราคิดและกังวลในตอนนี้ก็คือ การผ่อนแบงค์ต่อไปอีก 30 ปีจะเป็นการสูญเปล่าหรือไม่ มูลค่าส่วนกลางจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้รับทราบถึงความคืบหน้าในคดีเลยจนมีการตัดสินออกมา ลูกบ้านจึงตัดสินใจกันว่าจะต้องมีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายที่จะเป็นตัวแทนของพวกเราในการเข้าไปรับฟังปัญหา และเป็นปากเป็นเสียงแทนพวกเรา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เกิดขึ้น กับเงินค่าส่วนกลางที่จะต้องใช้จ่ายไปจะเป็นการสูญเปล่าหรือไม่ ถ้าตึกถูกทุบทิ้งเงินที่ผ่อนไปจะเป็นการผ่อนฟรีหรือเปล่า”
ลูกบ้านหวั่นถูกลอยแพ ไร้หน่วยงานยื่นมือช่วยเหลือ
สุดท้ายเราอยากจะสอบถามว่า 1.ใครที่จะช่วยเหลือเยียวยาพวกเราได้ ใครจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือลูกบ้านกว่า 1,000 คน ทั้งในระยะสั้น เช่น การรีไฟแนนซ์ ความเชื่อมั่นในการอยู่อาศัย และในระยะยาว ในเรื่องของคดีความต่างๆ
2.พวกเราในฐานะประชาชนตาดำๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน ก็อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ถ้าต้องเพิกถอนใบอนุญาตและถูกทุบทิ้ง ถึงเวลานั้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จะเป็นหน่วยงานรัฐ หรือว่าเป็นทางอนันดา เพราะบริษัทที่เราทำธุรกรรมซื้อขายด้วยนั้นคือ บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก ซึ่งเป็นบริษัทลูกของอนันดา
ถ้าถึงเวลานั้นบริษัทจะยังอยู่เยียวยาให้เราหรือไม่ หรือมีการปันผลให้บริษัทแม่แล้วปิดบริษัทหนีไปแล้วใช่หรือไม่ และในระหว่างนี้จะมีการตั้งสำรองหนี้เผื่อให้พวกเราด้วยหรือไม่ ซึ่งในงบการเงินที่ผ่านมาในอดีตบริษัทก็ไม่ได้ตั้งสำรองหนี้ในส่วนนี้เอาไว้ หรือว่าจะเป็นภาครัฐที่จะเข้ามาเยียวยาพวกเรา
“เราเข้าใจว่าอาจจะยังเป็นอนาคตอีกยาวไกล แต่ในฐานะผู้บริโภคที่หากินอย่างสุจริตด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเราก็อดไม่ได้ที่จะคิดเผื่อไปถึงอนาคตข้างหน้า”
ทั้งนี้เราลูกบ้านโครงการแอชตัน อโศก ขอยืนยันว่า เราเคารพในการตัดสินของศาลชั้นต้น เคารพกฎหมายและความถูกต้องซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ท้ายที่สุดแล้วถ้าคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ออกมาว่าเป็นการออกใบอนุญาตโดยมิชอบและส่งผลให้ต้องรื้อถอนอาคาร เราก็ยังเคารพต่อคำตัดสินของกฎหมายอยู่ดี
“เช่นเดียวกันในฐานะผู้บริโภคเราได้ซื้อบ้านหลังนี้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านขั้นตอนและมีการเสียค่าธรรมเนียมภาษีอย่างถูกต้อง โดยมีหน่วยงานให้เห็นชอบด้วย เราเคารพในคำตัดสินของศาลและหน่วยงานภาครัฐ แต่เราก็อยากจะขอวิงวอนให้สิ่งที่เราเคารพและยึดมั่นช่วยพิจารณาถึงผลกระทบต่อพวกเราและขอความช่วยเหลืออย่างเป็นธรรมถึงผลกระทบต่างๆ ที่เราได้รับแล้วและอาจจะได้รับในอนาคต” ตัวแทนลูกบ้านกล่าวในที่สุด
เรียกร้อง 3 ข้อ ช่วยลูกบ้าน แอชตัน อโศก
ทั้งนี้ผู้อยู่อาศัยในโครงการแอชตัน อโศกได้ขอเรียกร้องให้บุคคลที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานราชการดำเนินการแก้ไขเยียวยาในสิ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงดังต่อไปนี้
- ขอให้ทางผู้พัฒนาโครงการและสถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือในการพิจารณาคำขอรีไฟแนนซ์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสถาบันการเงินโดยเร่งด่วน
- ขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตก่อสร้างหรือตามกฎหมายควบคุมอาคารพิจารณาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคอันสืบเนื่องมาจากการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารที่ไม่สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยให้เสนอมีการแก้ไขกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการพัฒนาตามความเจริญของชุมชนเมืองให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อป้องกันมิให้โครงการห้องชุดพักอาศัยที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าใต้ดินกว่า 100 โครงการที่มีความสูงตั้งแต่ 8 ชั้นขึ้นไปได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันกับโครงการของเรา
- ขอให้คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคและคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนในสภาผู้แทนราษฎรทำการพิจารณาศึกษาปัญหาและอุปสรรคอันสืบเนื่องมาจากการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารที่ไม่สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน และเสนอแนวทางเยียวยาแก่กลุ่มลูกบ้านชาวแอซตันอโศกที่ได้รับผลกระทบ
อนันดาแจงตั้งทีมสนับสนุน ยันช่วยเต็มกำลัง
ทางด้านบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก็ได้แจ้งความคืบหน้าในการแก้ปัญหาโครงการแอชตัน อโศก ระหว่างบริษัทและเจ้าของร่วม โดยในขั้นแรกเจ้าของร่วมได้จัดตั้งทีมกฎหมายและคณะทำงานขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำงานกับบริษัทในการร่วมกันหาแนวทางในการเรียกคืนความยุติธรรมให้กับโครงการแอชตัน อโศก
นอกจากนี้ บริษัทได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของเจ้าของร่วมในด้านสินเชื่อ ซึ่งมี 348 ครอบครัวที่ใช้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 9 สถาบันการเงิน มีมูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท บริษัทจึงได้มีการหารือกับธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อ เพื่อเร่งออกมาตรการช่วยเหลือเจ้าของร่วมทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยมี 9 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าที่จะทำการ Retention จะมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เจ้าของร่วมสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่โครงการ คุณอุมาภรณ์ แพรสมบูรณ์ 087-550-3952 บริษัทในฐานะผู้บริหารโครงการ แอชตัน อโศก จะดำเนินการตามกฎหมายร่วมกันกับเจ้าของร่วมอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าและเจ้าของร่วม และจะแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ให้ทราบอย่างใกล้ชิดต่อไป