โดย…วราพงษ์ ป่านแก้ว
แผนการตลาดรับมือโควิดระบาดระลอก 2 ยังไม่ทันจะได้ Action ก็ดันมาเจอกับ Ripple Effect กับการแพร่ระบาดในระลอกที่ 3 ที่หนักหนาสาหัสกว่า 2 ระลอกก่อนหน้า แม้ว่ารัฐบาลจะไม่ประกาศล็อคดาวน์ ตามคำเรียกร้องของหลายๆ ฝ่าย ซึ่งร่วมทั้งภาคอสังหาฯของเราด้วย แต่ภาวะตกใจจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งพรวด ก็อาจจะทำให้คนไม่มีกะจิตกะใจจะออกไปไหนโดยไม่จำเป็น แม้จะมีระบบออนไลน์เข้ามาช่วยในการขาย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องไปจบกันที่โครงการอยู่ดี ทำให้ภาวะการขายในเวลาอาจจะช็อกในช่วงเวลาสั้นๆ จนกว่าสถานการณ์การระบาดจะคลี่คลาย
ช่วงที่คนกำลังหวดผวา ถ้าบริษัทไหนบอกว่าโครงการขายดี เห็นทีจะต้องเอาสัญญาจะซื้อจะขายของลูกค้ามาวางกองให้เห็นตรงหน้าถึงจะเชื่อได้แบบสนิทใจ ซึ่งคาดว่า ผลกระทบของการระบาดระลอกที่ 3 ที่หนักหน่วงจะฉุดรั้งให้ตลาดอสังหาฯ ต้องสะดุดหรือเดินได้ไม่เต็มฝีเท้าไปอีกระยะ อย่างเร็วที่สุดก็คงจะกลับมาได้ในเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 2 นี้
จริงๆ ก็ไม่ได้เกินกว่าที่ผู้ประกอบการทั้งหลายคาดการณ์กันเอาไว้หนักหรอกครับ เพราะได้ฟัง Comment จากหลายๆ ท่าน ก็ประเมินกันเอาไว้ว่าในครึ่งปีแรกตลาดอสังหาฯ คงจะยังอยู่ในช่วงพักฟื้นรอหมอมาฉีดวัคซีน กว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ก็น่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ดังจะเห็นได้จาก Plan การเปิดโครงการใหม่ๆ ของหลายบริษัทก็เก็บไว้ใส่กันในครึ่งปีหลังให้มันส์หยดเสียเป็นส่วนใหญ่
จะมีบ้างบางบริษัทที่เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ นั่นอาจจะเป็นเพราะไฟต์บังคับ หรือต้องการเติมของเข้า shelf ดักรอกำลังซื้อที่มองเห็นอยู่รำไรๆ แล้วกลับไปท่องคาถาเรียกเนื้อเรียกปลารอลุ้นให้ลูกค้าเดินหลงเข้ามาที่ไซต์โครงการก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน
เอาเป็นว่าช่วงนี้คงได้แต่ Wait and See หรืออาจถึงขั้น Wait and Sleep กันเลยทีเดียว
รอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดระลอก 3 ค่อยๆ คลี่คลายลง พร้อมกับความชัดเจนของแผนการฉีดวัคซีนที่จะต้องปรับกันใหม่ให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่ล่าช้าอยู่อาจจะได้โควิดระลอก 3 เป็นตัวกระตุ้นกดดันให้รัฐบาลต้องทำอะไรมากขึ้นกว่าเดิม เร็วกว่าเดิม ก็เป็นได้
หากจะให้ประเมินกันวันนี้ก็ยังเชื่อว่า ถึงอย่างไรการจัดการปัญหาโควิดจะต้องจบภายในปีนี้ แผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวก็ยังคงเป็นธงเดิมก็คือภายในเดือนตุลาคม เพราะถ้าเลย high season ปีนี้ ในธุรกิจท่องเที่ยวคงไม่มีใครเหลือไปถึง High Season ปีหน้าหรอกครับ
แล้วธุรกิจอสังหาฯจะอยู่กันไหวมั๊ย?
ถ้ายังคงเป็นไปตาม timeline นี้ ปีนี้ยังคงเป็นปีที่จะต้องประคองตัวให้รอดไปอีกปี อาจจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง แต่ new demand ในตลาดก็คงมีอยู่อย่างจำกัด เพราะเศรษฐกิจไทยคงจะขยายตัวไม่ได้ถึง 4% ตามที่รัฐมนตรีคลังเขาฝันเอาไว้ เผลอๆ จะหล่นตุ้บเหลือไม่ถึง 2% เสียด้วยซ้ำ เมื่อต้องหักกลบกับผลกระทบจากโควิดรอบที่ 3
ขณะที่ของที่ปล่อยออกมาก่อนหน้า โดยเฉพาะบ้านแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ รวมถึงสต๊อกเก่าๆ ของคอนโดที่ยังไม่หมดไปง่ายๆ จะทำให้การแข่งขันจะ เดือด! ยิ่งกว่าเดิมแน่นอน เพราะเรื่องของสภาพคล่องถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้ ใครมีเงินสดในมือพร้อมไว้ใช้จ่าย พร้อมไว้ใช้หนี้ก็คงจะอยู่รอดผ่านปีนี้ไปได้
เท่าที่ดูตอนนี้ผู้ประกอบการแบ่งออกเป็น 2 พวกใหญ่ พวกแรกคือพวก พร้อมลุย กับอีกพวกคือพวก พร้อมรอ
พวกพร้อมลุย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบิ๊กๆ ในตลาดที่มีสายป่านยาวหน่อย กลุ่มนี้มองว่า วงจรอสังหาฯ ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังอยู่ในช่วงผงกหัวขึ้น ถ้าเข้าทำในจังหวะที่ถูกต้อง ในทำเลที่ของขาด และยังพอมีดีมานด์อยู่ ก็จะฉกฉวยความได้เปรียบได้ แม้ว่าในช่วงปีนี้จะยังลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็แรงอึดพอที่จะผ่านไปได้
ส่วนพวกพร้อมรอ เป็นกลุ่มที่สายป่านไม่ยาว หรืออาจจะสายป่านยาวแต่ทำธุรกิจแบบ conservative ไม่มีแรงกดดันที่จะต้องสร้างรายได้ สร้างยอดขายให้เติบโตอยู่ทุกวินาที ถ้าไม่มั่นใจว่าโครงการจะไปได้ก็ยังไม่ลุย พร้อมรอจนกว่าตลาดจะเปิดมองเห็นดีมานด์ชัดๆ จึงค่อยลุย โดยอาศัยต้นทุนในการดำเนินการที่ถูกกว่าในการแข่งขัน
2 กลุ่มนี้อยู่รอดมาได้ตลอด อาจจะมีช่วงที่หน้ามืด ตามัว คลำหาทางออกไม่เจอกันบ้าง แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ ซึ่งวิกฤติจากโควิดในรอบนี้ก็หวังว่าจะผ่านไปได้เช่นกัน และหวังว่าคงจะไม่มีใครต้องเข้าไปอยู่ในกลุ่มพร้อมล้มนะครับ
สำหรับคนที่คิดจะซื้อบ้านหรือคอนโด ถ้ามีกำลังพอก็ถือว่ายังมีโอกาสที่ดีด้วยการแข่งขันที่รุนแรงเพื่อเร่งระบายสต๊อก ทำให้ยังมีโปรโมชั่นต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงนี้จะแผ่วๆ ไปด้วยพิษโควิดระลอก 3 อยู่บ้าง แต่เชื่อเถอะว่า หลังโควิดรอบนี้คลี่คลาย แต่ละโครงการคงจะจัดโปรชุดใหญ่ไฟกระพริบ เป็นการปลุกขวัญและกำลังใจให้กับคนซื้ออย่างแน่นอน แต่ถ้าใครที่สถานะการเงินยังไม่ชัวร์ ก็ขอให้ Wait and Sleep ไปก่อนได้เลยครับ เพราะแบงก์คงไม่ปล่อยเงินกู้ให้แน่นอนครับ