fbpx
ปก  e1658412791307

ดัชนีความเชื่อมั่นอสังหาฯยังทรงตัว รายใหญ่เริ่มมั่นใจยอดขายดีขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นอสังหาฯ ไตรมาส 1 ทรงตัว แต่ยังต่ำกว่าค่ากลางต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 ขณะที่ผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความมั่นใจมากขึ้นจากผลประกอบการและยอดขายที่ดีขึ้น แต่ยังลดการจ้างงาน เพื่อคุมต้นทุน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานดัชนีดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่า ค่าดัชนียังคงต่ำกว่าค่ากลางต่อเนื่อง 8 ไตรมาส โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังมีต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมไตรมาส 1 ปี 2564 ผลประกอบการโดยรวมดีขึ้น ยอดขายดีขึ้น แต่ลดการจ้างงานเพื่อควบคุมต้นทุนการประกอบการ คาดการณ์อีก 6 เดือนข้างหน้ามั่นใจยอดขายและผลประกอบการ เดินหน้าเปิดโครงการใหม่เพิ่ม แต่ยังคงลดต้นทุนการดำเนินงาน

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า จากการรายงานผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) พบว่า ไตรมาส 1 ปี 2564 มีค่าดัชนีเท่ากับ 46.3 โดยยังมีค่าดัชนีทรงตัวเท่ากับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และยังต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 ติดต่อกันถึง 8 ไตรมาส ซึ่งเป็นผลกระทบที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2562 จากการประกาศใช้มาตรการ LTV ในเดือนเมษายน 2562 ทำให้ผู้ประกอบการมีความกังวลต่อธุรกิจการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างเห็นได้ชัด

ประกอบกับในไตรมาส 1 ปี 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดยังมีการแพร่ระบาดต่อเนื่องไปในบางพื้นที่ อีกทั้งผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่เพิ่งเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ จึงทำให้ผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยต่ำกว่าค่ากลางที่ 50.0

เมื่อจำแนกกลุ่มผู้ประกอบการตามประเภทบริษัทพบว่า ความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันของผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 49.4 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย ที่มีค่าดัชนีอยู่ที่ 49.2 ขณะที่ผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 41.7 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีค่าดัชนีอยู่ที่ 42.1 โดยค่าดัชนีของผู้ประกอบการทั้งสองกลุ่มยังคงต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50

ทั้งนี้ จะเห็นความแตกต่างระหว่างกลุ่ม Listed Companies และกลุ่ม Non-listed Companies ได้อย่างชัดเจน โดยผู้ประกอบการในกลุ่ม Listed Companies มีความเชื่อมั่นในเรื่องผลประกอบการ ยอดขายและการลงทุนสูงกว่าระดับ 50.0 ขณะที่กลุ่ม Non-listed Companies ต่ำกว่า 50 อย่างชัดเจน สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) มีค่าเท่ากับ 58.8 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 54.4 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

เมื่อจำแนกกลุ่มผู้ประกอบการตามประเภทบริษัท พบว่ากลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 63.6 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 59.7 ขณะที่ผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 51.5 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 46.5 จะเห็นได้ว่าทั้งผู้ประกอบการทั้ง 2 กลุ่ม เริ่มมีความเชื่อมั่นในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลงทุน ผลประกอบการและยอดขายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ การสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการครั้งนี้ได้ทำการสำรวจในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนบางกลุ่มในประเทศไทย และรัฐบาลได้ประกาศขยายระยะเวลามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ (ไม่นับรวมบ้านมือสอง) ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังได้การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเหลือร้อยละ 10 ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในอนาคตมากยิ่งขึ้น

หมายเหตุ: ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในปลายเดือนมีนาคม