fbpx
Screenshot 2021 04 05 000927

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค พลิกเกมรับเป็นรุก ขายสินทรัพย์ลดหนี้ แตกธุรกิจปั๊มรายได้

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญอีกครั้ง เมื่อผลประกอบการในปี 2563 ที่ผ่านมาประสบภาวะขาดทุนถึง 1,757 ล้านบาท พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือจากที่มีกำไรในปี 2562 จำนวน 1,010 ล้านบาท โดยมีเหตุผลหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในส่วนการรายได้จากการขายบ้าน-คอนโด และโรงแรม รวมถึงรายการที่จะต้องบันทึกบัญชีตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่และฉบับปรับปรุง

นับเป็นภาวะขาดทุนที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับบริษัทที่มีทั้งพอร์ตบ้าน คอนโด และโรงแรม เป็นฐานรายได้หลักของบริษัท อย่างเช่น สิงห์ เอสเตท ของกลุ่มเบียร์สิงห์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาก็ขาดทุนไปถึง 3,554 ล้านบาท  หรือ แอสเสท เวิรด์ คอร์ป ของกลุ่มเบียร์ช้าง ก็ขาดทุนไป 1,881 ล้านบาท เป็นต้น

นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ในปี 2563 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลงกว่า 5,700 ล้านบาท หรือลดลง 35% เมื่อเทียบกับรายได้ในปี 2562 ขณะที่กำไรขั้นต้นลดลง 2,668 ล้านบาท หรือลดลง 46.9% เมื่อเทียบกับกำไรขั้นต้นที่ทำได้ในปี 2562 ส่วนรายได้ในธุรกิจโรงแรมลดลง 2,199 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดทุนขั้นต้นไป 191 ล้านบาท เทียบกับปี 2562 ที่มีกำไรขั้นต้น 1,281 ล้านบาท

เมื่อสถานการณ์บีบรัดจากภาวะขาดทุน และหนี้สินที่จะต้องจ่ายในปีนี้อีกเกือบๆ 16,000 ล้านบาท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค และบริษัทในเครือ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2564 เพื่อพลิกเกมกลับมาสร้างการเติบโตและสร้างความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งถ้าเป็น tactics ทางฟุตบอล คงต้องมองว่า เพอร์เฟค กำลังพยายามจะเล่นเกมโต้กลับ (counter attack)  เปลี่ยนจากการตั้งรับมาเป็นการรุกด้วยการโต้กลับเร็ว

กลยุทธ์การโต้กลับเร็วของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มีตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญก็คือ ขายทรัพย์สินที่มีอยู่ออกไป การเพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้และกำไรได้ดี และการประคองตัวในธุรกิจอสังหาฯ ที่ยังซมพิษไข้จากไวรัสโควิด-19 ให้อยู่รอดปลอดภัย

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

“บริษัทมีแผนทั้งการขายที่ดินที่ไม่มีแผนพัฒนาโครงการและสิทธิการเช่า รวมถึงขายการลงทุนในโรงแรมและจัดตั้งกองทรัสต์ มูลค่ารวม 20,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นแนวทางที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ดีขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง และลดภาระหนี้ เพราะรายได้จากธุรกิจอสังหาฯอย่างเดียวยังลดหนี้ได้ช้า การขายทรัพย์สินออกไปจะช่วยลดหนี้ได้เร็วขึ้น และยังมีเงินสดเหลืออีก 4,000-5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหนี้สินสุทธิต่อทุนให้ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.2 จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.1

สำหรับธุรกิจหลักจะขับเคลื่อนให้มีรายได้เติบโต สานต่อโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศ โดยบริษัทยังไม่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันนับจากปี 2562  ส่วนโครงการแนวราบจะมีโครงการใหม่เพียง 6 โครงการ ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทได้ขยายการลงทุนไปในธุรกิจใหม่ซึ่งมีดีมานด์สูงและกำไรสูงถึงกว่า 40% จากการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน ได้แก่ ธุรกิจผลิตและส่งออกถุงมือยาง ที่จะช่วยเสริมสร้างรายได้ในระยะยาวให้บริษัท” นายศานิต กล่าวพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคในส่วนของการขายสินทรัพย์ ทั้งที่ดินที่ไม่มีแผนพัฒนาโครงการ และที่ดินที่เป็นสิทธิการเช่า ประกอบด้วย ที่ดินในย่านแจ้งวัฒนะ รามอินทรา รามคำแหง และรัชดาภิเษก รวมมูลค่า 11,700 ล้านบาท อยู่ระหว่างเจรจากับผู้สนใจหลายราย ซึ่งหลายๆ ครั้ง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ก็ใช้วิธีการตัดขายที่ดินที่สะสมเอาไว้หลายแปลง เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน

“ที่ดินที่เป็นสิทธิการเช่าที่รัชดาภิเษก กำลังเจรจาอยู่กับกลุ่มธุรกิจที่สนใจพัฒนาอาคารสำนักงานอยู่ 2 รายทั้งนักลงทุนไทยและบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศจีน ส่วนที่ดินสิทธิการเช่าที่รามอินทรากำลังเจรจาอยู่กับกลุ่มค้าปลีก ส่วนที่ดินที่เป็นแลนด์แบงก์สำหรับการก็มีบริษัทที่กำลังเจรจากันอยู่เช่นกัน” นายศานิตกล่าว

ขณะที่การลงทุนในโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน และ ไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิท ของบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท จะขายเข้ากองทรัสต์ โดยมีสิทธิ์ซื้อคืนภายใน 3-5 ปี โดยคาดว่ารายได้จากการขายที่ดินที่ไม่มีแผนพัฒนาโครงการ สิทธิการเช่า การลงทุนในโรงแรม รวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท จะเริ่มเข้ามาในครึ่งปีแรกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และครึ่งปีหลังอีก 1 หมื่นล้านบาทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคสำหรับการแตกไลน์ไปในธุรกิจใหม่ คือธุรกิจถุงมือยาง ซึ่งถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งอยู่ในขณะนี้จากความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังการแพร่ระบาดของไวรัวโควิด-19 โดยบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จะเข้าไปร่วมลงทุนกับบริษัท วัฒนชัย รับเบอร์เมท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกถุงมือยาง ตั้งบริษัท บริษัท แกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ จำกัด (GGG)

บริษัทดังกล่าวจะผลิตและจำหน่ายถุงมือยางสังเคราะห์ (Nitrile) ภายใต้แบรนด์ GGG ขายทั้งภายในและส่งออกต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีอัตราการใช้ถุงมือยางสูง เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ในสัดส่วน 5% และ 95% ตามลำดับ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 1,100 ล้านบาท สร้างโรงงานบนเนื้อที่ 21 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรม ทีเอฟดี 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 2 อาคาร

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

โรงงานอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารหลังแรกมี 8 สายการผลิต มีกำลังการผลิต 21 ล้านกล่องต่อปี หรือ 2,100 ล้านชิ้นต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนเมษายนนี้ และเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนพฤษภาคมนี้  ส่วนอาคารหลังที่ 2 มีกำหนดแล้วเสร็จปลายปีนี้  มีจำนวนเครื่องจักร 8 เครื่อง กำลังการผลิตรวม 21 ล้านกล่องต่อปี

“แม้ว่าโรงงานจะอยู่ระหว่างก่อสร้างแต่ยอดจองถุงมือยางใน 8 สายการผลิตแรกเต็มหมดแล้ว โดยคาดว่าในปี 2564 จะมีรายได้จากถึงมือยางประมาณ 3,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท ในปี 2565 และเหลือ 9,000 ล้านบาท ในปี 2566 ก่อนจะค่อยๆ ลดระดับลงเหลือรายได้ ระหว่าง 8,000-9,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2567-2569 จากสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลายลง แต่มั่นใจว่า การใช้ถุงมือยางจะเป็น New Normal ต่อไป”

สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2564 บริษัทจะเปิดโครงการเพิ่ม 6 โครงการ เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด มูลค่ารวม 9,930  ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายรวม 17,300 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 12,000 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 2,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียมในประเทศ 2,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมประเทศญี่ปุ่น 800 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่เป็นไฮไลท์ ก็คือ โครงการเลค เลเจนด์ ซึ่งเป็นโครงการการร่วมทุนกับ ฮ่องกงแลนด์ ตั้งอยู่บนทำเลบางนา-สุวรรณภูมิ พัฒนาเป็นบ้านริมทะเลสาบขนาด 100 ไร่ ราคา 25-100 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการ 5,100 ล้านบาท และโครงการในเซ็กเมนต์ใหม่ เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น และโฮมออฟฟิศ 5 ชั้น ในเมือง บริเวณสุทธิสาร ราคา 70-80 ล้านบาท

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

ด้านนายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับ แกรนด์ แอสเสทฯ วางเป้าขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไว้ที่ 1,100 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 500 ล้านบาท และ วิลล่าในจังหวัดระยอง 600 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโรงแรม คาดว่าจะฟื้นตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วในครึ่งปีหลัง โดยประมาณการรายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท โดยยังมุ่งเน้นไปที่ตลาดในประเทศเป็นหลัก ตั้งเป้าให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีที่ 50%

นายศานิต กล่าวปิดท้ายว่า ในปี 2564 ยังคงเป็นปีที่ต้องประคับประคองตัว ปัจจัยสำคัญคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งถือว่าเรายังฉีดได้ช้าไป และรัฐบาลก็พยายามที่จะเร่งแผนให้ฉีดได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่า ทั่วโลกน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2565 และธุรกิจโรงแรมน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ ในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัย ตลาดบ้านแนวราบยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนคอนโดมิเนียมจะกลับมาได้ช้ากว่า โดยต้องรอให้มีการเปิดประเทศ ต่างชาติจะเริ่มกลับเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง และในปี 2565

“ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมของกลุ่มบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะอยู่ที่ 21,370 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 13,070 ล้านบาท  แกรนด์ แอสเสทฯ 2,100 ล้านบาท และรายได้จากการขายที่ดินและการลงทุน 6,200 ล้านบาท และยังมีรายได้จากโครงการร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4,000 ล้านบาท และธุรกิจถุงมือยางอีก 3,000 ล้านบาท” นายศานิตกล่าว

กลยุทธ์การพลิกเกมโต้กลับของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะเปลี่ยนจากขาดทุนเป็นกำไรได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องติดตามกันต่อไป

อ่านเพิ่มเติม
-เปิดคฤหาสน์หรูริมทะเลสาบ “เลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ”

ติดตามช่อง Property Mentor Chanel ทาง YouTube

Property Mentor Line Official: https://lin.ee/nE9XYOo4