“อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” จับมือพันธมิตรฝ่าวิกฤตโควิด-19 ลุยตลาดบ้าน-คอนโดลักชัวรี่ ชูแนวคิดสร้างสังคมระดับพรีเมี่ยม “LUXOCIETIES” ตอบโจทย์ผู้บริโภค ปูพรมเปิดขาย 4 โครงการ 3 ทำเล มูลค่ารวม 2,990 ล้านบาท
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ‘ALTITUDE’ เปิดเผยว่า ภายใต้ความกดดันของวิกฤตโควิด-19 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยสินค้าในกลุ่มลักชัวรี่ (Luxury) เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และมีความต้องการอาศัยอยู่จริง (Real Demand) โดยตลาดที่ได้รับความนิยมสูงและมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว คือบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ย่านกลางเมืองและย่านชานเมืองกรุงเทพฯระดับราคาตั้งแต่ 25.90-150 ล้านบาท รวมถึงคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ และคอนโดมิเนียมในทำเลที่ติดหรือใกล้กับสถานศึกษา
“จากสถานการณ์โควิด-19 บริษัทได้ปรับแนวคิดรูปแบบใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และแก้ไขปัญหาในการอยู่อาศัย ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นบ้านให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ พร้อมการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities) ที่รองรับไลฟ์สไลต์ชีวิตอย่างครบครัน รวมถึงจำนวนยูนิตที่มีไม่มาก เพื่อตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวในการยกระดับสังคมพรีเมี่ยม”
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงขับเคลื่อนธุรกิจที่แตกต่างผ่านกลยุทธ์ Turnkey Asset Development โดยร่วมมือกับพันธมิตรหรือเจ้าของกิจการชั้นนำจากหลากหลายวงการ และมีความโดดเด่นในแง่มุมต่างๆ ทำให้เกิดมิติและการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนาโครงการหลากหลายเซ็กเมนต์ตั้งแต่ระดับเออร์เบิน อีโคโนมี (Urban Economy) จนถึงระดับลักชัวรี่ ราคาตั้งแต่ 8-96 ล้านบาท ถือว่ามีความโดดเด่นและมีจุดแข็งที่แตกต่าง ภายใต้แนวความคิดการพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้ชีวิตโดยเน้นไปที่การสร้างสังคมระดับพรีเมี่ยม “LUXOCIETIES” ที่มีจุดแข็ง 3 ข้อ คือ
1. อสังหาริมทรัพย์ทั้งทางแนวสูงและแนวราบ มีการพัฒนารูปแบบในสร้างพื้นที่ส่วนกลางและฟังก์ชั่นบ้านใหม่ ในลักษณะ Exclusive Facilities & Service เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ในอนาคต โดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตแบบส่วนตัวและสังคมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมด้วยการบริการระดับพรีเมี่ยมเทียบเท่าโรงแรม 5 ดาว มีส่วนกลางที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย และการบริการที่มอบให้ เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตและสร้างความแตกต่างอย่างเหนือระดับ
2. การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษ แบบ Ultra Ordinary Living เป็นมากกว่าการสร้างที่อยู่อาศัย แต่เพื่อเพิ่มมูลค่าของชีวิต เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และต่อยอดการทำงานสร้างเครือข่าย (Connection) ที่มีความแข็งแรง จากลูกค้ากลุ่มระดับบน Ultra Elite Class เกิดเป็นสังคมระดับบนกลุ่มใหม่ที่รวมของบุคคลชั้นนำจากหลากหลายวงการ นอกจากนั้น ทุกโครงการจะมีการสร้างสังคมแบบ “Successful Society” ผ่านส่วนกลางต่าง หรือรูปแบบจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อให้ลูกบ้านได้รู้จักและสร้างเครือข่ายซึ่งกันและกันได้
3. การหาพันธมิตรทางธุรกิจในลักษณะ Honorable Partner ที่เข้าใจตลาดลักชัวรี่อย่างแท้จริง โดยที่ผ่านมาทุกโครงการระดับลักชัวรี่ขึ้นไปของบริษัท เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทหรือบุคคลชั้นนำที่มีความน่าเชื่อถือในหลายสาขาผ่านโมเดลธุรกิจ Turnkey Asset Development รับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ โดยใช้องค์ประกอบอยู่ 3 ด้านคือ 1. ที่ดิน สำหรับเจ้าของทรัพย์สินที่ต้องการพัฒนาให้ก่อเกิดรายได้แต่ไม่มีประสบการณ์ 2. เงินทุน 3. ทีมงาน เช่นกรณีของ คุณหนึ่ง สุริยน ศรีอรทัยกุล เจ้าของบิวตี้ เจมส์ บริษัทอัญมณีอันดับหนึ่งของไทย และ Honorable Partner อื่นๆ อีกมากมาย
นายชยพล กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเปิดขายโครงการระดับลักชัวรี่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,990 ล้านบาท ได้แก่
ดิ วัน เบลลาจิโอ (The One Bellagio) คฤหาสน์หรูของกลุ่มเศรษฐีมีระดับที่ต้องการสรรหาที่พักอาศัยบนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บนถนนศาลายา ด้วยแนวคิด Fuga Pacifica (Peaceful Escape) ผ่านงานดีไซน์และแรงบันดาลใจจากคฤหาสน์ Villa Melzi ในเมืองพักผ่อนชื่อดังระดับโลก เบลลาจิโอ ประเทศอิตาลี ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 404 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 34 ล้านบาท จำนวน 12 ยูนิต มูลค่าโครงการ 474 ล้านบาท
![](https://thaipropertymentor.com/wp-content/uploads/2020/11/1.-Mastery-SKV_Re.jpg)
อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท (Altitude Mastery Sukhumvit) ไพรเวทพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ ภายใต้แนวคิด “Living An Aesthetic Life” ที่ได้แรงบันดาลใจจากการพักอาศัยร่วมกับธรรมชาติ เพิ่มพื้นที่พักผ่อนที่ให้เลือกเปิดรับธรรมชาติได้ตามใจ ผสานอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ท ใจกลางกรุงเทพฯ ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 66 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 24.9 ล้านบาท จำนวน 16 ยูนิต มูลค่าโครงการ 416 ล้านบาท
วัน อัลติจูด เจริญกรุง (One Altitude Charoenkrung) ไอคอนนิคคอนโดมิเนียม วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์กับบริษัท บิวตี้ เจมส์ ดีไซน์รูปแบบอาคารด้วยรูปแบบเหลี่ยมเพชรเป็นคอนโดมิเนียม Branded Residences ที่มาพร้อมการบริการระดับโรงแรม 5 ดาว ในย่านเจริญกรุง ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 31.8 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท จำนวน 85 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,152 ล้านบาท
อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง-สาทร (Altitude Symphony Charoenkrung-Sathorn) คอนโดมิเนียมสมัยใหม่ย่านเจริญกรุง พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัวทั้งหมด 3 ชั้น ห่างจากโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอร์รี่ 400 เมตร และเพียง 10 นาที ถึงสาทร ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.85 ล้านบาท จำนวน 99 ยูนิต มูลค่าโครงการ 948 ล้านบาท
ด้านนายสุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ เจมส์ กล่าวว่า ในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในวงการสินค้าระดับลักชัวรี่มาโดยตลอด จึงเข้าใจดีถึงความต้องการของลูกค้าในระดับลักชัวรี่ที่ค่อนข้างมีความพิถีพิถัน และคำนึงถึงความใส่ใจในการบริการ พื้นที่ส่วนกลางและการบริการในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟกับลูกค้ากลุ่มนี้ จึงเป็นสิ่งที่ลูกค้ายอมจ่ายเพื่อให้ได้บริการอันเป็นพิเศษ ซึ่งประสบการณ์ของกลุ่ม บิวตี้ เจมส์ ที่มีความเข้าใจลูกค้าระดับลักชัวรี่ และตอบโจทย์การสร้างสังคมในแบบ LUXOCIETIES ได้เป็นอย่างดี