รอจนตลาดเกือบวาย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้กับแผนการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2566 ซึ่งในที่นี้เป็นการรวบรวมจากการประกาศแผนลงทุนของบริษัทมหาชนรวม 20 บริษัทจากเกือบๆ 40 บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับปี 2566 ถือว่าเป็นปีแห่งความหวังของเหล่าบรรดาดีเวลลอปเปอร์ หลังจากเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาตลอด 3 ปี (ปี 2563-2565) แม้ว่าปัจจัยแห่งการพลิกฟื้นจะยังไม่มาแบบเต็มร้อย แต่ก็ถือว่าเป็นปีที่หลุดพ้นจากวิกฤติไวรัสมาได้ซะที และพร้อมที่จะ take off พุ่งทะยานไปข้างหน้ากันได้โดยไม่มีอาการปอดติดเชื้อมาให้ต้องหวั่นวิตก
หลายบริษัทก็คงคิดแบบเดียวกัน เพราะเป็นปีที่แต่ละรายกลับมาลงทุนกันอย่างคึกคัก มีหลายๆ บริษัทที่พกความเชื่อมั่นมาเต็มกระเป๋าประกาศแผนลงทุนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ทำเอาอุณหภูมิการแข่งขันในตลาดพุ่งปรี๊ด โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบราคาระดับบนบอกได้เลยว่าเดือดจัดเลยทีเดียว
มาดูภาพรวมกันก่อนจาก 20 บริษัทที่ Property Mentor รวบรวมมาในปีนี้มีแผนจะเปิดโครงการใหม่รวมกันทั้งสิ้น 385 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5.3 แสนล้านบาท เป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบถึง 287 โครงการ พร้อมกับการกลับมาของคอนโดมิเนียมที่มีโครงการใหม่รวมกัน 98 โครงการ
ตามที่เกริ่นไว้ว่า โครงการบ้านแนวราบยังคงเป็นสมรภูมิที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวระดับ 10 ล้านบาทอัพ ถือเป็นตลาดที่ต้องจับตามอง เนื่องจากความสามารถในการซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้มีความแข็งแรง ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงโควิดที่ผ่านมา
ถนนทุกสายจึงพุ่งตรงมาที่เซ็กเมนต์นี้ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กเนม หรือสมอลเนม ก็พร้อมชนจนมีคำถามตามมาว่า ดีมานด์ในตลาดของบ้านระดับนี้มีมากเพียงพอหรือไม่
กลับมาที่เจ้าบุญทุ่มประจำปีถ้าดูที่จำนวนโครงการ 5 อันดับแรกตกเป็นของ…
อันดับ 1 เอพี (ไทยแลนด์) เปิด 58 โครงการ ชนะอันดับ 2 แสนสิริ 52 โครงการ แบบเฉือนๆ อันดับ 3 ตกเป็นของออริจิ้น+บริทาเนีย 42 โครงการ อันดับ 4 ศุภาลัย 37 โครงการ และอันดับ 5 เสนาดีเวลลอปเม้นท์ 26 โครงการ
ส่วนมูลค่าโครงการอันดับ 1 ยังเป็นของเอพี (ไทยแลนด์) ที่มีโครงการเปิดใหม่มูลค่ารวม 77,000 ล้านบาท ชนะแสนสิริอันดับ 2 แบบเฉือนๆ 75,000 ล้านบาท ส่วนอันดับ 3 ออริจิ้น+บริทาเนีย 50,000 ล้านบาท อันดับ 4 ศุภาลัย 41,000 ล้านบาท เฉือนอันดับ 5 เอสซี แอสเสทที่มีมูลค่าโครงการใหม่รวม 40,000 บาท
แค่ 5 รายใหญ่ก็มีมูลค่าโครงการเปิดใหม่รวมกันกว่า 2.8 แสนล้าน เกินกว่าครึ่งของ 20 บริษัทที่ได้รวบรวมมา
สำหรับบริษัทที่ประกาศแผนลงทุนในโครงการแนวราบมากที่สุดอันดับ 1 ก็ยังเป็น เอพี (ไทยแลนด์) 54 โครงการ อันดับ 2 เป็น ศุภาลัย 34 โครงการ อันดับ 3 แสนสิริ 30 โครงการ อันดับ 4 เอสซี แอสเสท 22 โครงการ และอันดับ 5 ออริจิ้น+บริทาเนีย 20 โครงการ
5 บริษัทรวมกันมีโครงการบ้านแนวราบรวมกัน 160 โครงการ คิดเป็น 55% ของ 287 โครงการบ้านแนวราบจาก 20 บริษัท
ส่วนคอนโดมิเนียมบริษัทที่มีแผนเปิดโครงการมากที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ แสนสิริ และ ออริจิ้น มีคอนโดใหม่จ่อคิวออกตลาดในปีนี้เท่ากันที่ 22 โครงการ ส่วนอันดับ 3 เป็นของ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ 17 โครงการ อันดับ 4 แอสเซทไวส์ 9 โครงการ และอันดับ 5 เอพี (ไทยแลนด์)พฤกษา โฮลดิ้ง และ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ มี 4 โครงการเท่ากัน
มาที่เป้าหมายของปี 2566 บริษัทอสังหาฯทั้ง 20 ราย ตั้งเป้ายอดขายรวมกันถึง 4.3 แสนล้านบาท และตั้งเป้ารายได้รวมกัน 3.5 แสนล้านบาท โดยบริษัทที่ตั้งเป้ายอดขายสูงสุดหนีไม่พ้น เอพี (ไทยแลนด์) 58,000 ล้านบาท เฉือนเจ้าเก่าแสนสิริที่มาในอันดับ 2 ด้วยเป้ายอดขาย 55,000 ล้านบาท อันดับ 3 เป็นของออริจิ้น+บริทาเนีย ตั้งเป้ายอดขายรวม 45,000 ล้านบาท อันดับ 4 ศุภาลัย เป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท เฉือนแลนด์แอนด์เฮ้าสที่ตั้งเป้ายอดขายรวม 35,000 ล้านบาท
ทั้ง 5 รายมีเป้ายอดขายรวมกัน 2.3 แสนล้านบาท เกินกว่าครึ่งของเป้ายอดขายรวม 4.3 แสนล้านบาท
ขณะที่เป้ารายได้อันดับ 1 ก็ยังตกเป็นของเอพี (ไทยแลนด์) ที่ตั้งเป้ารายได้รวม 57,500 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) อันดับ 2 ก็ยังคงเป็นแสนสิริ ตั้งเป้ารายได้ที่ 40,000 ล้านบาท ศุภาลัยมาเป็นอันดับ 3 กับเป้ารายได้ 36,000 ล้านบาท อันดับ 4 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 33,000 ล้านบาท และอันดับ 5 พฤกษา โฮลดิ้ง ตั้งเป้ารายได้ที่ 28,000 ล้านบาท
ทั้ง 5 บริษัทมีเป้ารายได้รวมกัน 1.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของเป้ารายได้รวม 3.5 แสนล้านบาท
ตบท้ายที่งบสำหรับการซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคตจากการสำรวจทั้ง 20 บริษัท พบว่า 5 บริษัทไม่มีแผนใช้เงินในการซื้อที่ดินในปีนี้ หรือบางรายอาจจะไม่ได้เปิดเผย ส่วนอีก 15 บริษัท จัดงบสำหรับการซื้อที่ดินรวมกัน 9.7 หมื่นล้านบาท
เอพี (ไทยแลนด์) ยังคงยืนหนึ่งทุ่มงบสำหรับซื้อที่ดินในปี 2566 ถึง 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ แสนสิริ/เอสซี แอสเสท/ออริจิ้น ใช้งบซื้อที่ดินเท่าๆ กันที่ 1 หมื่นล้านบาท และอันดับ 5 ศุภาลัย ใช้งบรวม 8,000 ล้านบาท
พอจะเห็นภาพที่ชัดเจนสำหรับการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2566 ว่าจะดุเด็ดเผ็ดร้อนแค่ไหน โดยเฉพาะ 2 บิ๊กเนมในตลาด เอพี(ไทยแลนด์) และ แสนสิริ ปีนี้คงสู้กันชนิดที่ว่าใครดีใครอยู่ โดยมีบัลลังก์แชมป์เป็นเดิมพัน