fbpx
4 Aspire Pinklao Arun Amarin 2

อสังหาฯปีเสือดุ! บิ๊กเนมส่งโครงการใหม่กว่า 3 แสนล้านลุยตลาด เอพีห้าวสุดๆ ปูพรม 65 โครงการ 7.8 หมื่นล้าน

ปี 2565 ถูกคาดหมายว่าจะเป็นที่แห่งการพลิกฟื้น แม้ว่าการขยับตัวของเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างช้าๆ และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ประมาทไม่ได้ แต่ในสายตาของดีเวลลอปเปอร์ระดับบิ๊กเนมมองเห็นจังหวะและโอกาสในการเข้าทำแม้จะยังมีความเสี่ยงปะปนอยู่ก็ตาม และถึงเวลาที่จะต้องเปิดเกมรุกเต็มตัวในจังหวะที่ตลาดกำลังฟื้นตัวกลับมา

การประกาศแผนลงทุนของหลายๆ บริษัทรายใหญ่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจึงเป็นในลักษณะของการเดินหน้าเต็มตัว จัดหนัก จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ศุภาลัย เปิด 34 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิด 15 โครงการใหม่ มูลค่า 29,520 ล้านบาท แสนสิริ เปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท และในระยะ 3 ปีจะเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมกันถึง 150,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

อนันดา มีแผนเปิดตัวใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท โนเบิล เปิด 18 โครงการใหม่ มูลค่า 47,700 ล้านบาท พฤกษา เรียลเอสเตท มีแผนเปิด 31-35 โครงการ มูลค่ารวม 25,000-30,000 ล้านบาท ขณะที่ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ประกาศไว้ว่าจะเปิด 14 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 19,400 ล้านบาท

รายล่าสุดถือว่าจัดหนักว่าใครๆ ก็คือ เอพี ไทยแลนด์ ที่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 รวม 65 โครงการ มูลค่าสูงถึง 78,000 ล้านบาท เมื่อมัดรวมกันแค่ 7 รายใหญ่จะมีโครงการเปิดใหม่ในปี 2565 มากกว่า 230 โครงการ มูลค่ารวมทะลุ 322,000 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งพอจะประเมินได้ว่าแม้ปีนี้จะเป็นปีเสือแต่คงต้องหลีกทางให้ช้างชนกันสนั่นเมืองแน่นอน โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบซึ่งเป็นตลาดที่ทุกค่ายโฟกัสการแข่งขันจะทะลุจุดเดือดอย่างไม่ต้องสงสัย

กลับมาที่ค่ายเอพี ไทยแลนด์ บริษัทอสังหาฯที่น่าจะเปิดโครงการมากที่สุดในปีนี้ถึง 65 โครงการมูลค่าสูงถึง 78,000 ล้านบาท ถือเป็นจำนวนโครงการใหม่ที่เปิดมากที่สุดนับตั้งแต่เอพีเคยดำเนินธุรกิจมา โดยแบ่งเป็นทาวน์โฮม 29 โครงการ มูลค่า 25,200 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 26 โครงการ มูลค่า 35,600 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 13,000 ล้านบาท และยังมีโครงการในต่างจังหวัดอีก 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท

ส่งผลให้ทั้งปีเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้งกทม.และต่างจังหวัดมากถึง 182 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 149,000 ล้านบาท โดยปีนี้เอพีตั้งเป้ายอดขายเอาไว้ที่ 50,000 ล้านบาท และเป้ารายได้รวมโครงการร่วมทุนอยู่ที่ 47,000 ล้านบาท ซึ่งหากเอพีทำได้ตามเป้าจะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดอสังหาฯแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดค่อนข้างแน่นอน

“การเปิดตัวโครงการใหม่ในปริมาณที่มากขนาดนี้ ถ้าระบบหลังบ้านไม่พร้อมก็ยากที่จะเป็นจริงได้ ซึ่งตลอด 2 ปีของการเผชิญวิกฤติได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของทีมเอพี ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดโครงสร้างองค์กรภายในให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยคีย์สำคัญคือ การให้อำนาจการตัดสินใจแก่คนที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ

และในปีนี้เราพร้อมก้าวข้อจำกัดไปอีกขั้น ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า ซึ่งนอกจากจะเป็นการเปิดใหม่เพื่อทดแทนโครงการเก่าที่ปิดการขายไปจำนวนมากนั้น ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบที่มากขึ้น ด้วยการขยายสินค้าไปยังตลาดใหม่ๆ อีกด้วย

ขณะเดียวกันเรามองเห็นโอกาสเติบโตในภาวะที่เราอาจจะพร้อมกว่าคนอื่น ทั้งเรื่องของสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ความพร้อมของคน และกระบวนการจัดภายในองค์กร การตระเตรียม infrastructure เอาไว้อย่างเพียบพร้อมที่จะบริหารโครงการจำนวนมากขนาดนี้ได้ จึงคิดว่าน่าจะสร้างโอกาสจากดีมานด์ที่ยังมีอยู่ ซึ่งเราจะเห็นได้จากอัตราการดูดซับจากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาเยอะมาก

โดยในปี 2563 อัตราการดูดซับเฉลี่ยอยู่ที่ 17-18% แต่ของเอพีขึ้นมาอยู่ที่ 23-25% ถ้าเป็นบ้านแนวราบสามารถขึ้นไปถึง 35% บางโครงการมียอดขายที่เร็วมากๆ เปิดโครงการเมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ววันนี้มียอดขายไปแล้งถึง 69% วันนี้เรามองเห็นโอกาสจากดีมานด์ที่ยังมีอยู่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปจับกลุ่มดีมานด์เหล่านั้นอย่างไรเท่านั้นเอง” นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ที่วางไว้สำหรับการเปิดเกมรุกตลาดอสังหาฯปีเสือของเอพี ก็คือ ลงลึกมากยิ่งขึ้นในตลาดที่แข็งแรงอยู่แล้ว ซึ่งก็คือตลาดระดับกลาง-บน สำหรับบ้านเดี่ยวราคา 5 ล้านบาทอัพ คอนโดและทาวน์โฮม ราคา 3 ล้านบาทอัพ ตลาดในเซ็กเมนต์นี้เอพีจะเจาะลงไปให้ลึกมากขึ้นด้วยประสบการณ์ที่สามารถจะสร้างข้อได้เปรียบในตลาดนี้ได้ ขณะเดียวกัน จะขยายไปสู่ตลาดใหม่ซึ่งเป็นตลาดแมสของแต่ละเซ็กเมนต์

ในส่วนของบ้านเดี่ยวจะลงมาเล่นในตลาดที่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท (3-5 ล้านบาท) เน้นเจาะกลุ่มคนในเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ ขณะที่ทาวน์โฮมจะเข้าไปเล่นในตลาดระดับราคา 1.89 ล้านบาท เช่นเดียวกับคอนโดที่เข้าไปเล่นในตลาดแมสมากขึ้น แต่เป็นกลุ่มที่ยังมีความสามารถในการผ่อนซึ่งยังมีดีมานด์อยู่ แม้ว่าจะมีบางทำเลที่แข่งขันรุนแรง แต่ตลาดแมสก็ยังเปิดกว้างอยู่ในอีกหลายทำเล รวมถึงการขยายตลาดใหม่ทั้งในจังหวัดปริมณฑล และในต่างจังหวัดที่เอพีได้เริ่มวางรากฐานไว้แล้วจากการเปิด 5 โครงการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ไฮไลต์ที่น่าสนใจของเอพีในปีนี้ คือการพลิกวิธีคิดในการพัฒนาทาวน์โฮมในเมืองเครือเอพีใหม่ทั้งหมด เพื่อครองความเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮมภายใต้แนวคิด “Unlock ชีวิตคนเมืองกับทาวน์โฮมเอพี พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกได้” ด้วยเป้าหมายการเติบโตที่มากขึ้นกว่า 30% โดย Big Surprise ที่จะมาเขย่าตลาดทาวน์โฮมในทุกเซ็กเมนต์ ประกอบด้วย

  • การเปิดตัว 20 แบบบ้านใหม่ จาก 6 แบรนด์ทาวน์โฮมที่พลิกโฉมใหม่หมด ทั้งมิติงานสถาปัตยกรรมและสเปซภายใน เพื่อเดินหน้าปลดล็อกประสบการณ์ของการอยู่อาศัยในทาวน์โฮมแบบเดิมๆ
  • เตรียมกินแชร์ตลาดบ้านแฝด 3 ชั้นและ 2 ชั้นเพิ่มขึ้น ชูจุดขายด้วยบ้านหน้ากว้างสูงสุด 11 เมตร แบรนด์บ้านกลางเมือง The Edition และแกรนด์ พลีโน่
  • บุกตลาดทาวน์โฮม 2 ชั้นในเขตปริมณฑล ด้วยแบรนด์น้องใหม่ PLENO TOWN ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

ในส่วนธุรกิจบ้านเดี่ยว เอพียังเดินหน้าตามแผนการเป็นผู้นำในธุรกิจบ้านเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งตลาด (Market Share) มากสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนยูนิตที่ขายได้มากสุดในตลาดบ้านเดี่ยวในเมืองและปริมณฑล (รอบปี 2558 – ครึ่งแรกปี 2564) ผ่าน 3 แบรนด์ ได้แก่ THE PALAZZO คฤหาสน์หรูในเซ็กเมนต์ซูเปอร์ลักชัวรี่ THE CITY บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่เซ็กเมนต์ไฮเอนด์ และ CENTRO บ้านเดี่ยวดีไซน์โมเดิร์นสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวเซกเมนต์กลางบน

นอกจากนี้ เอพีจะต่อยอดความชำนาญด้วยการบุกไปยังตลาดใหม่ในพื้นที่เขตปริมณฑล อย่างสมุทรสาคร และสมุทรปราการ ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ บ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ เพื่อมุ่งเจาะกลุ่ม Gen M และ Gen Z กับแบบบ้านดีไซน์ใหม่

สำหรับคอนโดมิเนียมในเมือง เอพีเตรียมแผนเดินหน้าเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่า 13,000 ล้านบาท ส่ง ASPIRE เป็น Fighting Brand หลักบุกลุยตลาดแมส ด้วยจุดยืน LIVE AS YOU ASPIRE อิสระในทุกมิติของชีวิตกับ 3 จุดขาย Modular Layout พื้นที่ชีวิตที่พร้อมปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ The Best of ‘ME’ Space พื้นที่ส่วนกลางที่ตอบทุกตัวตน Entry-Level Price ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเริ่มต้น 84,000 บาท/ตร.ม. ใน 4 ทำเล ได้แก่

1) Aspire ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ ซึ่งจะเปิดพรีเซลในวันที่ 19-20 มีนาคมนี้

2) Aspire รัชโยธิน

3) Aspire สุขุมวิท-พระราม 4

4) Aspire อ่อนนุช สเตชั่น

ส่วนอีกโครงการ ได้แก่ LIFE พหล-ลาดพร้าว รวมทั้งยังมี 3 คอนโดพร้อมอยู่ ในทุกเซ็กเมนต์ทั้ง 1) RHYTHM เอกมัย เอสเตท 2) LIFE สาทร เชียร์ร่า 3) ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม

“ตลาดคอนโดถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยังคงต้องดูในปีหน้าว่าจะกลับมาเติบโตมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าปี 65 เราจะเริ่มเห็นบางเซ็กเมนต์ที่ดีขึ้น อย่างเซ็กเมนต์กลางถึงกลาง-ล่าง และถ้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ การจราจรกลับมาติดขัดเหมือนเดิม น่าเป็นโอกาสที่ดีที่มีต่อตลาดคอนโด” นายวิทการกล่าว

นอกจากการขยายการลงทุนแบบสุดๆ แล้ว สิ่งสำคัญกว่าคือจะต้องเอาชนะคู่แข่งให้ได้ด้วยเช่นกันถึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ นายวิทการมองว่า ปัจจัยที่สำคัญอันดับแรกก็คือ การสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน ซึ่งต้องอาศัยข้อได้เปรียบในปัจจุบันทำให้แตกต่างออกไป ตั้งแต่เรื่องของการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับซึ่งเอพีทำเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมด้วยกระบวนการภายในที่เข้มแข็ง และการใช้ดิจิทัลเข้ามาสร้างความแตกต่าง ซึ่งที่ผ่านมาเอพีให้ความสำคัญและมีการลงทุนในเรื่องดิจิทัลสูงถึงปีละ 200 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสร้างความแตกต่างที่เหนือกว่าคู่แข่งได้

“แน่นอนว่า บทเรียนที่เราเรียนรู้มาตลอด 2 ปีของการแพร่ระบาด วิธีการทุกอย่างที่เราเคยทำและเรียนรู้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วทั้งสิ้น เรายังคงต้องเผชิญอยู่กับความท้าทายใหม่ๆ โรคระบาดยังคงอยู่กับเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ คาดว่าครึ่งแรกของปี 2565 น่าจะยังคงไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าช่วงครึ่งหลังปี 2565 ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่หวัง โลกรับมือกับโอมิครอนได้ดีขึ้น ยารักษาผลิตออกมาใช้งานได้จริง ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งถ้ามองเรื่องของโควิดอย่างเดียวคิดว่า เรากำลังจะผ่านจากวิกฤตินี้มาได้แล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะเข้ามาเป็น post covid crisis ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินเฟ้อ ค่าแรง ดอกเบี้ย ต้นทุนสินค้าที่จะขยับเพิ่มขึ้น ดังนั้นถึงแม้จะผ่านวิกฤติโควิดมาได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไร จึงยังต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง” นายวิทการกล่าวทิ้งท้าย