fbpx
poolvilla f 223 e1643482044460

ต้นทุนวัสดุพุ่งไม่หยุด พีดีเฮ้าส์สุดอั้นปรับราคาบ้าน 2-5%

วัสดุก่อสร้างยกขบวนปรับราคา พีดีเฮ้าส์ สุดอั้นเตรียมปรับราคาบ้านรับปีเสือ 2-5% เหตุเพราะความผันผวนของราคาวัสดุกระทบถึงต้นทุนราคาบ้าน

นางสาวถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2565 มีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น 5-7% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตัวแปรสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวหรือฉุดรั้งกำลังซื้อผู้บริโภคให้ชะลอตัวลง ก็คือความผันผวนของราคาวัสดุที่มีการปรับตัวสูงขึ้น

โดยเมื่อช่วงไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าเหล็กโครงสร้างและเหล็กรูปพรรณราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30% และมาในปีนี้ราคาก็ยังไม่นิ่งหรือขยับสูงขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ในขณะที่วัสดุก่อสร้างหลักๆ ก็มีการปรับราคาสูงขึ้นตามกันเฉลี่ย 3-5% ซึ่งในปีที่ผ่านมานั้นบริษัทมีนโยบายตรึงราคาขายบ้านและแบกรับต้นทุนบางส่วนไว้เอง เหตุก็เพราะกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว และธุรกิจรับสร้างบ้านมีการแข่งขันกันสูงมาก รวมทั้งเพื่อมิให้เป็นภาระและกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคมากนัก

แต่จากสถานการณ์ล่าสุด ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเกือบทุกชนิดมีการแจ้งปรับราคาขายใหม่ปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 5-15% ส่งผลให้บริษัท ต้องทบทวนนโยบายเพราะไม่อาจแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นต่อไปไหว โดยเตรียมปรับราคาขายบ้านครั้งแรกของปี 2565 นี้เพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 2-5%

“ยอมรับว่าการปรับราคาบ้านในช่วงนี้ ย่อมกระทบต่อผู้บริโภคที่กำลังวางแผนจะสร้างบ้านกับบริษัทพอสมควร แต่ก็เชื่อว่าผู้บริโภคคงจะเข้าใจถึงที่มาและเหตุผลของการปรับราคา เพราะหากพิจารณาจากราคาบ้านที่ปรับขึ้นโดยเฉลี่ย จะพบว่ามิได้ผลักให้ผู้บริโภครับภาระฝ่ายเดียว บริษัทยังคงแบ่งเบาและแบกรับภาระต้นทุนใหม่เอาไว้เองบางส่วน รวมถึงยังมีความกังวลว่าราคาวัสดุจะมีความผันผวนหรือปรับตัวสูงขึ้นในช่วงกลางปีนี้ หากจำเป็นก็อาจจะต้องมีการปรับราคาบ้านอีกครั้งด้วยเช่นกัน”

การปรับราคาของผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สืบเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหลักและราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลให้ต้นทุนการผลิตและขนส่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และผลดังกล่าวกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะรายที่เน้นแข่งขันในเรื่องของราคาและทำสัญญาปลูกสร้างบ้านกับลูกค้าเอาไว้ตามต้นทุนวัสดุเดิม จำเป็นต้องแบกรับต้นทุนวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้นไว้เอง

หากผู้ประกอบการที่ขาดความเป็นมืออาชีพ และไม่มีจำนวนสั่งซื้อวัสดุที่มีปริมาณมากพอหรือไม่มีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุ อาจประสบปัญหาและดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยากลำบาก หรืออาจถึงขั้นต้องเลิกกิจการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคพึงต้องระมัดระวังในการตัดสินใจเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบการรายใด เพื่อมิต้องประสบกับปัญหางบบานปลายและเสียใจในภายหลัง