เอสซีจี เซรามิกส์ ชูแนวคิด Dream Space รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการขยายพื้นที่บ้านรองรับไลฟ์สไตล์และสุขอนามัยของสมาชิกในครอบครัว ชี้ปี 65 ตลาดเซรามิกส์ขยายตัวเพิ่มเล็กน้อย ตั้งเป้าโต 5% หวั่นต้นทุนพลังงานพุ่ง กระทบกำลังซื้อ
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์ คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยว่า ในปี 2565 คาดว่าความต้องการใช้สินค้ากระเบื้องเซรามิกโดยรวมจะยังคงใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะเติบโตและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ แต่ทั้งนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่บ้างในเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ รวมถึงปัญหาหนี้ภาครัฐบาลและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิด คือ ราคาพลังงาน ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามอัตราเงินเฟ้อ เหล่านี้อาจจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้
“แม้ว่าจะมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกและการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงต่อเนื่อง คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ได้ โดยเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรเพื่อบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ด้วยการปรับสัดส่วนการขายสินค้าไปยังตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการปรับระดับการผลิตและการนำเข้าสินค้าให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการ” นายนำพลกล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงต่อความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันจากสถานการณ์โควิด-19 และส่วนหนึ่งจากภาวะโลกร้อน ซึ่งผู้บริโภคมีความต้องการและมีความพยายามที่จะสร้างพื้นที่ใหม่ในบ้าน หรือ Dream Space เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์และการใช้งานที่แตกต่างหลากหลายของสมาชิกภายในบ้าน ภายใต้วิถี New Normal
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ในส่วนของการซื้อที่อยู่อาศัยได้เปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น ส่วนของการอยู่อาศัยเนื่องจากผู้บริโภคใช้เวลาอยู่กับบ้านและให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอย และความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ทำให้ต้องการที่อยู่อาศัยหรือต่อเติมและปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เป็นมากกว่า “บ้าน” ในแบบเดิม คือ มีทั้งความปลอดภัย สุขอนามัย เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี สะดวกสบาย ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
ที่ผ่านมาเอสซีจี เซรามิกส์ ได้นำเสนอสินค้าและบริการโดยชูจุดเด่นตามเมกะเทรนด์เรื่องการรักษาสุขภาพและสุขอนามัย ตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภคยุค New Normal และตอบสนองความต้องการต่อเติมและปรับปรุงที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น กระเบื้อง Hygienic Tile หรือกระเบื้องยับยั้งแบคทีเรียจาก COTTO กระเบื้อง AIR ION หรือกระเบื้องฟอกอากาศสามารถดักจับฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 89 % แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO ซึ่งเป็นวัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงาม ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงบริการติดตั้ง ภายใต้ชื่อ C’TIS (Certified Tile Installation Service)
“ล่าสุด เราพบว่า แม้จะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมไปตามแนวทางวิถีใหม่ แต่ผู้บริโภคก็ยังคงต้องการพื้นที่ที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์และการใช้งานที่แตกต่างหลากหลายของสมาชิกภายในบ้านด้วย จึงเป็นที่มาของแนวคิดเรื่อง Dream Space พื้นที่ที่จะเติมพลังให้กับสมาชิกทุกคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ในเวลานี้ โดยเป็นพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกอุ่นใจปลอดภัย เรียบง่าย แต่ครบคุณค่า (HEALTH & COMFY) มีรูปแบบดีไซน์ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีสีสันเฉพาะตัว มีเอกลักษณ์ (MOOD LIFTING) ภายใต้การออกแบบที่เน้นความหลากหลายปรับเปลี่ยนได้ (CREATIVE LIVING) เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ในแต่ละกิจกรรมมากที่สุด” นายนำพล กล่าว
นอกจากความพยายามในการมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ดีที่สุดแล้ว ในปีนี้ บริษัทยังคงมุ่งสร้างการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวผ่านกลยุทธ์หลักต่างๆ ทั้งการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดร่วมกับผู้แทนจำหน่าย ร้านค้า Modern trade และการขยายสาขาของธุรกิจร้านค้าปลีกกระเบื้องเซรามิก หรือ “คลังเซรามิค” ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง การเร่งพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้าน ขยายช่องทางการขายในรูปแบบใหม่ทั้งออฟไลน์ออนไลน์ และเพิ่มความครอบคลุมพื้นที่ให้มากขึ้น
ตลอดจนการขยายธุรกิจด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง และยกระดับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมหนองแคสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระดับ Eco-World Class ที่สำคัญ คือ มองหาโอกาสใหม่ เทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อเตรียมรับมือกับต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและคงความเป็นผู้นำในธุรกิจเซรามิค
นายนำพล กล่าวอีกว่า สำหรับงบการเงินรวมก่อนตรวจสอบในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน โดยมีผลกำไร 57 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง ร้อยละ 65 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตควบคู่กันมาโดยตลอด
ส่วนผลประกอบการทั้งปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 11,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 10 โดยมีกำไรสุทธิรวม 584 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 164 ล้านบาท เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค
โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 น่าจะเติบโตขึ้นได้มากกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะฟื้นตัวประมาณ 1-2% จากปีก่อน โดยเบื้องต้นบริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตที่ประมาณ 5% มาจากตลาดในประเทศประมาณ 80% และการส่งออก 20% ขณะที่รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท ซูซันน์ สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด จะเติบโตได้ประมาณ 25-30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 500 ล้านบาท