fbpx
FB cover 93

ช.การช่าง หวังเร่งประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

ช.การช่าง หวังโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐช่วยฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด และพร้อมร่วมชิงเค้กงานขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสีส้มใต้-ตะวันตก มูลค่ารวม 3 แสนล้าน ล่าสุดคว้างานอุโมงค์ส่งน้ำประปา มูลค่ากว่า 4,000 ล้านเข้าพอร์ตเป็นที่เรียบร้อย

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาภาพรวมของธุรกิจก่อสร้างถือว่าค่อนข้างชะลอตัว เพราะมีการเลื่อนการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ เป็นผลมาจากปัญหาด้านการเมืองและผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 แต่หลังจากนี้เชื่อมั่นว่ารัฐจะเร่งรัดโครงการต่างๆ ออกมาจำนวนมากเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ งานก่อสร้างขนาดใหญ่สามารถสร้างเงินหมุนเวียนได้หลายรอบ มีผลต่อเนื่องไปที่ธุรกิจอื่นๆ เช่น วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง ธนาคารการเงิน ประกันภัย และที่สำคัญคือทำให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งจะมีผลดีต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง

จากงบประมาณจำนวนกว่าล้านล้านบาทที่ภาครัฐจัดสรรเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงงบประมาณสำหรับโครงการที่ได้เตรียมไว้แล้วตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่งานประมูลโครงการของรัฐขนาดใหญ่กำลังเร่งทยอยออกมา และส่งผลดีต่อภาคธุรกิจก่อสร้าง เช่น โครงการรถไฟทางคู่ 1.2 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 9 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 1.2 แสนล้านบาท รวมมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านบาท

นายปลิว กล่าวเสริมว่า บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งด้านบุคลากร แรงงาน เครื่องจักร และที่สำคัญคือประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในงานขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เทคนิคสูง เช่น งานขุดเจาะอุโมงค์ งานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน มั่นใจว่า มีโอกาสสูงที่จะชนะในการประมูลทั้ง 3 โครงการในสัดส่วนที่ไม่น้อย โดยโครงการรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเป็นงานที่บริษัทเข้าประมูลโดยตรง ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บริษัทจะสนับสนุน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เข้าร่วมประมูล

ล่าสุด บริษัทได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการอุโมงค์ส่งน้ำประปา สัญญาที่ G-TN-9D จากสถานีสูบจ่ายน้ำบางมด ถึงสถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร กับการประปานครหลวง (กปน.) มูลค่า 4,950 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โครงการดังกล่าวเป็นงานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำประปาตามแนวถนนกาญจนาภิเษกและถนนทางรถไฟสายเก่า จากสถานีสูบจ่ายน้ำบางมด ถึงสถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง โดยใช้หัวขุดเจาะอุโมงค์ แบบ TBM มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี 4 เดือน ถือเป็น 1 ใน 4 สัญญาที่กปน. ได้เปิดประมูลตามโครงการปรับปรุงกิจการประปานครหลวงแผนหลักครั้งที่ 9 เพื่อเชื่อมโยงการจ่ายน้ำประปาจากฝั่งตะวันตกไปผั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ โดยบริษัทพร้อมเริ่มก่อสร้างทันที และมั่นใจว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามแผน เพราะมีความพร้อมและเป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย- เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระยะทาง 323 กิโลเมตร สัญญาที่ 1 2 และ 3 มูลค่ากว่า 73,000 ล้านบาท ด้วยวิธีเสนอราคาจัดซื้อจัดจ้างทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิดดิ้ง) ร่วมกับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในนามกิจการร่วมค้า CKST

ผลการเสนอราคาปรากฎว่า กิจการร่วมค้า CKST เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในสัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ด้วยราคา 26,900 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ด้วยราคา 19,390 ล้านบาท

ขั้นตอนต่อไป รฟท. แจ้งว่าจะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารเทคนิค หลังจากนั้น รฟท.จะประกาศอย่างเป็นทางการว่าบริษัทใดเป็นผู้ได้รับงานสัญญาต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปลงนามในสัญญาได้ในเดือนกรกฎาคม 2564 ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร อีก 2 สัญญา มูลค่า 55,458 ล้านบาท ที่รฟท.จะเปิดประมูลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นี้ ซึ่งบริษัทก็จะเข้าร่วมประมูลด้วยเช่นกัน

ส่วนของภาพรวมบริษัทในปี 2564 คาดว่าจะดีกว่าปี 2563 ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 จนถึงปี 2564 บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับงานก่อสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ Backlog กลับไปอยู่ที่ระดับเกินกว่า 1 แสนล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญ คือ รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสายสีส้ม และที่สำคัญคือ โครงการเขื่อนหลวงพระบาง มูลค่างานก่อสร้างกว่า 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP กำลังเร่งรัดสรุปและคาดว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอนภายในปี 2564 นี้ และพร้อมเริ่มก่อสร้างทันที

ขณะที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ให้บริการทางพิเศษและระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า ขณะนี้ปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้าและทางด่วนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ซึ่งการระบาดของโควิด-19 น่าจะควบคุมได้ดีขึ้น ทำให้กำไรกลับสู่สภาวะปกติ

สำหรับธุรกิจของ CKP ในปีนี้ โรงไฟฟ้าไชยะบุรีจะผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่และไม่มีผลกระทบด้านภัยแล้งเหมือนปีที่ผ่านมา ทำให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก ทำให้ ช. การช่างได้รับส่วนแบ่งกำไรจากทั้ง 2 บริษัทมากขึ้นกว่าปี 2563 อย่างแน่นอน ส่วน บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW บริษัทผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค มีผลประกอบการที่ดีและไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากโควิด-19 แต่อย่างใด