fbpx
1601437704823 scaled

คอนโดราคาถูกคึกคัก อสังหาฯบิ๊กเนมต่อคิวผุดโครงการใหม่ปลายปี

ข่าวดีสำหรับ First Jobber วัยเริ่มทำงานที่ต้องการสร้างหลักสร้างฐาน แต่ที่ผ่านมาหาบ้านหรือคอนโดที่สมฐานะของตัวเองไม่ได้สักที ก็เมื่อรายได้มีอยู่แค่ 1.5-2 หมื่นบาท แต่บ้าน-คอนโดที่ขายกันอยู่ส่วนใหญ่ราคา 2-3 ล้านบาทอัพอัพ ราคาสวนทางกับรายได้แล้วใครจะไปเอื้อมถึง จนวันนี้ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 หลายๆ ดีเวลลอปเปอร์ เริ่มกลับลำหันมาให้ความสำคัญกับลูกค้าหน้าใหม่ที่เพิ่งพ้นจากอกพ่อแม่ ด้วยการเปิดขายคอนโดในราคาหลักแสนปลายๆ ไปจนถึงล้านต้นๆ กันอยู่หลายโครงการ

ล่าสุดที่เพิ่งประกาศเดินหน้าโครงการคอนโดต่ำล้านไปไม่นานนี้ก็คือ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โดย ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของเสนาฯ ระบุว่า เสนา เล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด และต้องการสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง รวมถึงลูกค้ากลุ่มวัยทำงาน หรือ first jobber อายุ 25-30 ปี รายได้เฉลี่ย 15,000 บาท ที่ต้องการซื้อคอนโดเป็นสินทรัพย์แรกของชีวิต และลูกค้าที่ต้องการบริหารจัดการเงินออมเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการออมเงินในแบงค์ที่ไห้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งมองว่าการลงทุนในอสังหาฯ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ จึงได้เตรียมเปิดโครงการคอนโดที่มีราคาไม่ถึง 1 ล้านบาทในครึ่งปีหลังรวม 3 โครงการภายใต้แบรนด์ เสนา คิทท์ ได้แก่ เสนา คิทท์ เทพารักษ์-บางบ่อ และอีก 2 ทำเลที่เตรียมเปิดขายเร็ว ๆ นี้

สำหรับโครงการ เสนา คิทท์ เทพารักษ์ – บางบ่อ เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สไตล์ยุโรป สูง 5 ชั้น จำนวน 6 อาคาร จำนวน 328 ยูนิต เหมาะกับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือ ลงทุนเพื่ออนาคต โดยมีห้องพักให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 38 ตร.ม. พร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ตอบโจทย์การพักอาศัยอย่างแท้จริง พร้อมพบโปรโมชั่นพิเศษ เริ่มเพียง 779,000 บาท ผ่อนเบา ๆ 1,900 บาท ล่าสุดเปิดจองไปเมื่อวันที่ 3-4 ตุลาคมที่ผ่านมา มียอดจองไปถึง 291 ยูนิต ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีทีเดียว

ส่วนอีก 2 โครงการ ตามแผนที่วางไว้ คาดว่าจะอยู่ในโซนบางแค และคูคต รองรับกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ และในปีหน้า เสนาฯ ก็ยังจะมีโครงการคอนโดต่ำกว่า 1 ล้านทะยอยออกมา 5-10 โครงการเลยทีเดียว

ขณะเดียวกันเจ้าพ่อคอนโดราคาถูกอย่าง บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก็เตรียมลอนช์ โครงการใหม่ในราคาไม่เกิน 1.2 ล้าน โดยนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของแอล.พี.เอ็น. เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 บริษัทเตรียมจะเปิดขายโครงการลุมพินี เอกชัย-บางบอน (เฟส1) จำนวน 1,200 ยูนิต มูลค่า 1,200 ล้านบาท และโครงการลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 จำนวน 476 ยูนิต มูลค่า 540 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการคอนโดบีโอไอ ซึ่งหากหาท่ดินได้เพิ่มเติมบริษัทก็จะเปิดคอนโดในระดับราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทเพิ่มอีก โดยในปีหน้าวางแผนว่าจะเปิดอีกอย่างน้อย 2 โครงการ

ด้านบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่เจาะตลาดกลุ่ม First Jobber และกลุ่มที่เพิ่งซื้อคอนโดมิเนียมหลังแรก (First Condo Buyer) มาก่อนหน้านี้ด้วยแบรนด์ ดิ ออริจิ้น ซึ่งปล่อยคอนโดในราคาที่กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยเริ่มทำงานจับต้องได้ออกมาเป็นระยะ ล่าสุดเปิดขายออนไลน์ โครงการ ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช ในราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท หมดไปอย่างรวดเร็ว และเตรียมเปิดขายคอนโดแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ดิ ออริจิ้น อี 22 สเตชั่น (สุขุมวิท–สายลวด สเตชั่น) ในราคา 1 ล้านนิดๆ ในช่วงปลายเดือนนี้

นอกจากนี้ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ที่เวลานี้หันไปโฟกัสตลาดกลาง-บน ก็ยังไม่ทิ้งตลาดกลาง-ล่างที่เคยเป็นฐานใหญ่ เพียงแต่ในระยะนี้ขอชะลอการลงทุนเอาไว้ก่อน เพราะกลุ่มลูกค้ามีภาระหนี้ค่อนข้างสูง

“โครงการระดับกลาง-ล่าง บริษัทก็จะไม่ทิ้ง เพราะเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่มีความต้องการซื้อสูง แต่ในสถานการณ์ขณะนี้คงต้องชะลอการลงทุนเอาไว้ รอให้เศรษฐกิจฟื้นพฤกษาจะกลับเข้าตลาดนี้อีกครั้ง” นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทกล่าวเอาไว้

ก็คงจะพอเห็นภาพชัดเจนว่า ตลาดคอนโดราคาถูกที่เงียบๆ อยู่นาน เวลานี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหญ่ เพราะจริงๆ เป็นตลาดที่มีดีมานด์สูงมาก แต่ติดขัดเรื่องสถานะทางการเงินของลูกค้าที่สุ่มเสี่ยง ถ้ามีวิธีจัดการปัญหานี้ร่วมกับสถาบันการเงินได้ ยอดขายไหลมาเทมาแน่นอน