fbpx
ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร

ศุภาลัย ส่องโอกาสลงทุนใหม่ เล็งขยายมาร์เก็ตแชร์บ้านแนวราบ

หลังจากต้องเผชิญกับวิกฤติไวรัสโควิด-19 จนทำให้หลายบริษัทอสังหาฯ เริ่มสั่นคลอนและพยายามประคองตัวให้ผ่านวิกฤตรอบนี้ไปให้ได้ก่อน แต่บริษัท ศุภาลัย กลับมองไปถึงโอกาสที่จะขยายมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม โดยล่าสุดได้เปิดคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ ซึ่งอาจจะเป็นคอนโดใหม่รายแรกๆ ที่เปิดตัวในช่วงที่สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่งจะจางหายไป

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  การเปิดคอนโดใหม่ในช่วงนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ก็คงจะไม่กล้า สำหรับ ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ นั้นมีจุดแข็ง 3 ข้อที่ทำให้บริษัทมั่นใจ คือ ทำเลที่อยู่ใกล้อินเตอร์เชนจ์สถานีบางหว้า ราคาที่ถูกว่าตลาดระมาณ 30% และดีไซน์ที่ตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากโควิด-19 และหลังจากเปิดจองออนไลน์ไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี สามารถ Sold Out 100% ของห้องที่เปิดจอง ภายใน 2 ชั่วโมงกว่า ด้วยมูลค่าขายกว่า 114.5 ล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินงานในขณะนี้ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่่างใด ทั้งยอดขายที่ตั้งไว้ 2.6 หมื่นล้านบาท รายได้ 2.4 หมื่นล้านบาท และเปิดโครงการใหม่ 3 หมื่นล้านบาท สำหรับเป้าการขายตามที่ตั้งไว้ก็ยังมีความเป็นไปได้ แต่ก็ถือว่ายากมาก โดยในส่วนของที่อยู่อาศัยแนวราบยอดขายในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาถือว่าดีที่สุดนับตั้งแต่เปิดบริษัทมา และน่าจะเห็นแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ส่วนคอนโดมิเนียมถ้าเป็นคอนโดพร้อมอยู่ยังขายได้ดี เพราะลูกค้าสามารถเข้าอยู่ได้ทันที แต่ก็ไม่ดีเท่ากับช่วงก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายในไตรมาส 2 คาดว่าคงจะไม่แย่ไปกว่าไตรมาส 1 เพราะแม้ว่าเดือนเม.ย.จะแย่ แต่เดือนพ.ค.-มิ.ย.ยอดขายกลับมาดี เช่นเดียวกับไตรมาส 1 ที่เดือนมี.ค.ยอดขายไม่ดี แต่เดือนม.ค.-ก.พ.ยอดขายยังดี

“ผมมองว่า การที่ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้นในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ เหมือนกับตอนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่ลูกค้าเปลี่ยนมาซื้อคอนโด เพราะกลัวน้ำท่วม ทำให้คอนโดขายได้ดีมากในช่วง 2 ปี สถานการณ์ก็กลับคืนสู่ปกติ รอบนี้ก็จะมีลักษณะที่คล้ายๆ กัน ทำให้คอนโดในระยะยาวไม่น่าเป็นห่วง แต่คอนโดเปิดใหม่หรือที่อยู่ระหว่างขาย ยอมรับว่ายังมีความเสี่ยงในช่วงสั้น”

ส่วนรายได้ก็อาจจะทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท เพราะสถานการณ์เริ่มกลับมาดีขึ้น ลูกค้าเริ่มกลับเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของเดือนเม.ย.อย่างชัดเจน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบ ทำให้สถานการณ์โดยรวมในตอนนี้น่าเป็นห่วงน้อยลง ขณะที่ความต้องการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ก็ดีขึ้นมาก

ศุภาลัย

ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ในส่วนของที่อยู่อาศัยแนวราบ 25 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ยังคงเปิดตามแผนเดิมทั้งหมด โดยในครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 9 โครงการ ในครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 16 โครงการ ขณะที่คอนโดมิเนียมตามแผนจะเปิด 5 โครงการมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เปิดไปแล้ว 2 โครงการในครึ่งปีแรก อีก 3 โครงการยังไม่แน่ใจว่าจะเปิดได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ จากแผนการลงทุนของ 10 บริษัทรายใหญ่ในตลาด พบว่า ที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงเปิดโครงการใหม่ในสัดส่วนเท่าๆ เดิม ขณะที่คอนโดลดลงถึง 70% ภาพรวมทั้งตลาดลดลงไปประมาณ 30% แสดงให้เห็นถึงการปรับฐานในตลาดคอนโดอย่างชัดเจนในปีนี้ และในปีหน้า ขณะที่ลูกค้าก็มองหาความคุ้มค่าที่มากขึ้น

“จริงๆ เรามองเห็นสัญญาณว่าคอนโดเริ่มดีน้อยลงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำให้บริษัทเริ่มทะยอยใช้หนี้ในช่วงนั้นทำให้ต้นทุนการเงินลดต่ำลงมาต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีต้นทุนการเงิน 2 % ขณะที่สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนของบริษัทอยู่ที่ 50% ต่ำกว่าภาพรวมของตลาดที่ส่วนใหญ่มีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนเกิน 100% ทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ดีกว่าในการลงทุนใหม่ เพื่อแชร์ส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น

“เป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ว่าจะขยายตลาดเพิ่ม คือ บ้านแนวราบระดับบน แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะยังไม่ดีนัก แต่หลังวิกฤติในทุกๆ รอบ ตลาดระดับบนจะกลับมาก่อนในทุกครั้ง แต่การซื้อที่ดินในเวลานี้ก็ยังไม่ง่าย เพราะราคาที่ดินยังไม่ลง แม้ว่าบางแปลงจะปรับราคาลงมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่จะตัดสินใจซื้อ” นายไตรเตชะกล่าวปิดท้าย