The Show Must Go On ไม่ว่าจะอย่างไร …ก็ต้องดำเนินต่อไป ฟังดูมันเข้ากับสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเวลานี้จริงๆ เมื่อมองไปข้างหน้า เห็นอุปสรรคขวากหนามขวางอยู่เต็มทาง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเดินหน้าต่อไป เมื่อบริษัทรายใหญ่ยังคงประกาศแผนลงทุนเต็มพิกัดในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่าจะมีปัจจัยลบต่างๆ ขวางอยู่เต็มลำ และดูท่าว่าทั้งปีตลาดจะติดลบเกินกว่าหลัก 10%
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย มองว่า โอเคล่ะ ตลาดในปีนี้น่าจะติดลบ ก็หวังว่าคงจะติดลบไม่มาก และถ้ามองให้เป็นโอกาส มันก็ทำให้ซัพพลายใหม่เข้ามาน้อยลง และเป็นจังหวะที่ดี สำหรับการพัฒนาโครงการที่เน้นกลุ่มเรียลดีมานด์ ถ้าพัฒนาสินค้าในราคาที่ถูกต้อง และถูกตังค์กว่าคนอื่นๆ ก็เชื่อว่ายังคงขายได้ เมื่อมองดูยอดขายในครึ่งปีแรกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ทุกอย่างยัง Go On ไปตามเป้าหมาย ในครึ่งปีหลังจึงยังจัดเต็มตามแผนเดิม
ปีนี้ ศุภาลัยมีแผนเปิดโครงการใหม่ 31 โครงการ มูลค่ารวม 4 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรกเปิดขายไปแล้ว 9 โครงการ เป็นบ้านแนวราบ 7 และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านบาท ในครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการอีก 22 โครงการ มูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท เป็นคอนโด 3 โครงการ อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการและกำลังจะเปิด ส่วนบ้านแนวราบ 19 โครงการ อยู่ในกทม. และภูมิภาค ประมาณครึ่ง:ครึ่ง
“บ้านแนวราบค่อยๆ ดีขึ้น หลังจากแผ่วไปในช่วงที่ออกมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ลูกค้าสับสนและไม่กล่าซื้อ ตอนนี้ลูกค้าเข้าใจมากขึ้นแล้ว ซึ่งคาดว่า ในภาพรวมไตรมาสที่ 3 น่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 แม้การคาดการของการขยายตัวของเศรษฐกิจจะถูกลดลง แต่อัตราการจ้างงานยังดีอยู่ และการลงทุนภาครัฐที่ชะลอตัวอาจจะกระทบกำลังซื้ออยู่บ้างก็ตาม แต่เมื่อรัฐบาลใหม่ตั้งหลักได้ก็น่าจะเร่งการลงทุนของรัฐต่อเนื่อง สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น” ไตรเตชะ กล่าว
เช่นเดียวกับบิ๊กเนมรายอื่นๆ ที่ยังคอนเฟิร์มเดินหน้าลงทุนตามแผน ไม่เช่นนั้นผลประกอบการจะไม่เดินไปตามเป้าที่ตั้งไว้ แต่ก็พร้อมจะปรับแผนที่จำเป็น
ดร. ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาส 2/2562 บริษัทมียอดขายกว่า 6,100 ล้านบาท เติบโต 27% จากไตรมาสแรก ส่งผลให้ครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายสะสมกว่า 10,915 ล้านบาท โดยมาจากการขายโครงการเดิมที่มีอยู่ในมือเป็นหลัก ถือว่าเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีความท้าทายทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ และเชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะใกล้รถไฟฟ้ายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ในครึ่งปีแรก บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่เพียง 2 โครงการ คิดเป็น 30% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี 2562 ที่ระดับ 36,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังทางบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่อีกหลายโครงการ โดยบริษัทมีที่ดินพร้อมพัฒนากว่า 10 แปลง สำหรับเตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าตอบสนองความต้องการของลูกค้าในราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ได้แก่ สามย่าน สุขุมวิท ทองหล่อ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้
“อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของตลาดอสังหายังคงมีอยู่ ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ โดยบริษัทได้เตรียมพร้อมปรับแผนธุรกิจหากมีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาว ทั้งนี้แผนธุรกิจทั้งหมดของบริษัทนั้น ยังคงสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำการเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมทั้งยังคงรักษาวินัยทางการเงินไว้อย่างเข้มงวด โดยจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ที่ 1 เท่า เป็นเป้าหมายระยะยาว และเราต้องมั่นใจว่าการเติบโตของบริษัทจะไม่เพิ่มความเสี่ยงซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของบริษัทในระยะยาว” ดร. ชัยยุทธ กล่าว
ด้าน บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศผลงานครึ่งปีแรก โดยมียอดขายแล้ว 20,800 ล้านบาท และกำลังก้าวสู่เป้ายอดขายรวม 41,800 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยการบุกตลาดทั้งแนวราบและแนวสูงครึ่งปีหลัง
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า แม้ภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ครึ่งปีแรกจะมีหลายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว หรือมาตรการควบคุมภายในประเทศที่กระทบบรรยากาศการซื้อขาย แต่เชื่อว่าดีมานด์ลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ แต่เป็นดีมานด์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ‘โลเคชั่น’ ‘แบบบ้าน’ และ ‘แพ็คเกจราคา’ ต้องใช่ถึงตัดสินใจซื้อ
“ความท้าทายของผู้ประกอบการอสังหาฯ ในวันนี้คือการพัฒนาทั้งรูปแบบและแพ็คเกจราคา บนพื้นฐานความต้องการจริงและความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า โดยการดำเนินงานในครึ่งปีแรก ภายใต้กลยุทธ์การรบยาวเปิดตัวทุกแบรนด์ในเครือ พัฒนาโปรดักซ์ตอบโจทย์เฉพาะเจาะจงแต่ละเซ็กเมนต์ ส่งผลภาพรวมยอดขายของเอพีไปได้สวย สวนกระแสภาพรวมตลาดที่ค่อนข้างชะลอตัวในครึ่งปีแรก”
สำหรับ ยอดขายรวมครึ่งปีแรกกว่า 20,800 ล้านบาท (ณ 30 มิถุนายน 62) แบ่งเป็น ยอดขายจากคอนโดมิเนียม มูลค่า 9,500 ล้านบาท และ แนวราบมูลค่า 11,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 20% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 17,265 ล้านบาท และได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วสิ้น 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,785 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เป็นเรียลดีมานด์
“ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง เชื่อว่าผู้ประกอบการทุกรายต่างเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะมีปัจจับบวกที่จะเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นและบรรยากาศการซื้อขายอสังหาฯ ในครึ่งปีหลัง อาทิ การจัดตั้งรัฐบาล และการฟอร์มทีมดูแลด้านนโยบายเศรษฐกิจของประเทศอย่างชัดเจน โดยคาดว่า อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ จะเข้ามากระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง” นายวิทการ กล่าวเสริม
ทั้งนี้ แผนการเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง เอพีจะยังคงดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ ด้วยการเปิดตัว 23 โครงการใหม่ มูลค่า 27,265 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 12 โครงการ มูลค่า 9,250 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่า 11,715 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 6,300 ล้านบาท สำหรับไฮไลท์ครึ่งปีหลัง คือการเปิดแบรนด์ใหม่บ้านแนวราบภายใต้ชื่อ THE SONNE ศรีนคริทร์-บางนา มูลค่า 600 ล้านบาท และการเปิดคอนโดมิเนียม LIFE SATHORN SIERRA มูลค่า 6,300 ล้านบาท
ด้านนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/2562 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยมถึง 7,290 ล้านบาท โดยขณะนี้ยอดขายสะสมของบริษัทในครึ่งปีแรกคือ 13,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของเป้าหมายทั้งปี จากการเปิดโครงการใหม่ที่เปิดตัวในช่วงไตรมาส 2 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์ และ 2. โครงการพาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน สามารถสร้างยอดขายได้เหนือความคาดหมาย
จากปริมาณยอดขายและกระแสตอบรับจากผู้บริโภคที่ยังคงเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสที่ 3/2562 บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่อีกประมาณ 6 โครงการ ได้แก่ โครงการพาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี โครงการเคนซิงตัน ดิสทริค ระยอง โครงการภายใต้แบรนด์ดิ ออริจิ้นอีก 3 โครงการใน 3 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ รัชดา ลาดพร้าว และสุขุมวิท และโครงการบ้านจัดสรร บริทาเนีย บางนา-สุวรรณภูมิ 1 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 8,100 ล้านบาท
“ครึ่งปีหลังของปีนี้ เรายังมีโครงการที่รอเปิดตัวอีกจำนวนมากในทุกเซ็กเมนท์ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร รวมถึงยังมีแคมเปญอีกหลายอย่างที่รอเปิดตัว เริ่มจากของแบรนด์ดิ ออริจิ้น ที่จะเปิดตัวคอนเซ็ปต์ของแบรนด์พร้อมแคมเปญการตลาดอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ เชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในทุกระดับ และส่งผลให้ยอดขายในปี 2562 เป็นไปตามเป้าหมาย 28,000 ล้านบาท” นายพีระพงศ์ กล่าว
คงต้องตามลุ้นกันต่อว่า แผนการที่แต่ละบริษัทมั่นใจว่าจะไปได้สวยในไตรมาสที่ 3 และ ไตรมาสที่ 4 นั้น จะเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ เมื่อปัจจัยด้านลบยังมีมากกว่าปัจจัยด้านบวกแต่ละรายจะปล่อยหมัดเด็ดอะไรเพื่อพิชิตยอดขายในครึ่งปีหลัง หรือจะต้องพับปรับแผนกันในโค้งสุดท้ายคงต้องคอยติดตามกันครับ