fbpx
Cluster

‘มัลเบอร์รี่ โกรฟ’ บ้านหรู 200 ล้าน กับการอยู่อาศัยแบบ Intergenneration

ส่องแนวคิดบ้านหรู 200 ล้าน แมกโนเลีย ส่งแบรนด์หรู มัลเบอร์รี่ โกรฟ เจาะตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ปูพรม 3 โครงการ 19,900 ล้านบาท

มัลเบอร์รี่ โกรฟ ซูเปอร์ลักชัวรี่ เรสซิเดนซ์ แบรนด์ใหม่ล่าสุดของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ตั้งราคาขายบ้านสุดหรูเอาไว้ในระดับ 100-200 ล้านบาท หรือถ้าเป็นคอนโดมิเนียมที่วางแผนเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ที่ย่านเอกมัยก็ตั้งราคาไว้สูงลิ่ว 2-3 แสนบาทต่อตารางเมตร สำหรับห้องไซส์เล็กสุดขนาด 50 ตารางเมตร ราคาก็ต้องวิ่งอยู่ที่ 10-15 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ
เมื่อเป็นแบรนด์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ วิธีคิดก็ต้องไม่ธรรมดา เพราะมัลเบอร์รี่ โกรฟ เป็นปลายทางของงานวิจัยแนวโน้มการอยู่อาศัยระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายมาเป็นแนวคิด Nurturing Intergenneration Happiness คือ การสานความสุขให้กับทุกเจเนอเรชั่น พร้อมกับการพัฒนาโครงการตามแนวคิดของ “For all wellbeing” ที่จะพัฒนาโครงการที่ดีกับทุกๆ คน
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปัจจุบันครอบครัวสมัยใหม่มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ เนื่องจากการแยกที่อยู่อาศัยออกมาจากครอบครัวใหญ่ โดยมาจากหลายปัจจัยของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่บริษัทซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก เพื่อสนับสนุนให้เกิดความสุขที่แท้จริงในชีวิต เห็นว่าความสุขของทุกเจเนอเรชั่นไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเฉพาะโอกาสพิเศษ แต่ความสุขจากการอยู่ร่วมกันต้องเกิดขึ้นได้ทุกวัน
“แนวคิดดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการพัฒนาแบรนด์ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ” ขึ้นเพื่อให้เป็นมากกว่าที่พักอาศัย แต่เป็นพื้นที่เติมเต็มช่องว่างของคนในครอบครัวและการอยู่อาศัยแบบหลากหลายเจเนอเรชั่น เพื่อการสานความสัมพันธ์ และสร้างความสุขที่ยั่งยืนในชีวิตอย่างแท้จริง โดยหวังว่า “มัลเบอร์รี่ โกรฟ” จะช่วยให้เราได้กลับมามีความสุขกับคนในครอบครัว และสามารถสานความสุขให้คนในทุกเจเนอเรชั่นตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้” นายวิสิษฐ์ กล่าว

3 ผู้บริหาร แมกโนเลีย จากซ้าย รุ่งโรจน์ จงศุจิพันธุ์ วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ และ  ชาคริต หัสสรังสี
ด้านนายรุ่งโรจน์ จงศุจิพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า จากงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีผลยืนยันตรงกันว่า คนเราอยู่อาศัยร่วมกันน้อยลง มีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง จึงขาดการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ความสุขในชีวิตน้อยลง และนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ทั้งในครอบครัวและสังคม

ทั้งนี้ จากผลสำรวจในด้านที่อยู่อาศัยของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ อายุตั้งแต่ 15-65 ปี รวม 400 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่างถึง 70.8% ต้องการอยู่อาศัยในบ้านที่ประกอบด้วยสมาชิกหลายรุ่น โดยกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป ต้องการอยู่อาศัยหลายรุ่นสูงสุด คือ 80.7% นอกจากนี้ ยังพบว่า การอยู่อาศัยแบบครอบครัว 3 รุ่น ทำให้สมาชิกในครัวเรือนมีสุขภาพจิตที่ดีกว่าครัวเรือนรูปแบบอื่น

“จากการที่ได้ศึกษาและวิจัยในประเด็นดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) ทำให้บริษัทเห็นแนวโน้มนี้ที่ชัดเจน จึงเป็นที่มาของการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาการอยู่อาศัยหลากหลายช่วงวัย สร้างความผูกพันของครอบครัวให้แน่นแฟ้น ซึ่งเป็นรากฐานแห่งความสุขที่แท้จริง” นายรุ่งโรจน์กล่าว

ในปี 2562 แบรนด์มัลเบอร์รี่ โกรฟ จะมีโครงการที่อยู่อาศัยแบบ มัลติ-แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Cluster Villa และ Condominium แบบไฮไรส์และโลว์ไรส์ โดยจะเปิดโครงการใหม่  3  โครงการใน 2 ทำเล มูลค่าโครงการรวม 19,900 ล้านบาท และคาดว่าในปีหน้าจะมีการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ มัลเบอร์รี่ โกรฟ  เพิ่มอีก 2 โครงการ

สำหรับโครงการแรกจะเป็นโครงการ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท” ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ห่างจาก 250 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS เอกมัย เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น จำนวน 286  ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,000-6,000 ล้านบาท ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสนบาทต่อตารางเมตร โดยมีกำหนดเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้

มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท โครงการแรกจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3

ด้านนายชาคริต หัสสรังสี ผู้อำนวยการ โครงการมัลเบอร์รี่ โกรฟ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนอีก 2 โครงการ จะอยู่ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์  ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่เนื้อที่ 300 ไร่ ริมถนนบางนา-ตราด ช่วง กม.5-7 ของบริษัท โดย “มัลเบอร์รี โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์” จะเป็นส่วนหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในโครงการดังกล่าว แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ จำนวน 37 ยูนิต ยึดหลักแนวคิดการออกแบบ แบบ Cluster Design ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกช่วงวัย และอีก 1 โครงการจะเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 283 ยูนิต ทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงปลายปีนี้