ปี BAM

BAM จัดให้ บ้านมือสองราคาถูก ผ่อนสบายๆ ช่วยกลุ่มเปราะบาง-ฟรีแลนซ์

BAM เตรียมเปิดตัวโครงการ “ทรัพย์มหาชน” ช่วยกลุ่มเปราะบาง-ฟรีแลนซ์ เข้าถึงที่อยู่อาศัยราคาถูกกว่าตลาด 10-50% ผ่อนสบายๆ กับ BAM

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า BAM เตรียมเปิดตัวโครงการ “ทรัพย์มหาชน” สำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง สามารถผ่อนชำระกับ BAM โดยตรง หรือผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ BAM ที่ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็น “มากกว่า AMC” โดยมุ่งเน้นการเป็น “Business Enabler” หรือ “Recycling Machine” เพื่อคืนคุณค่าสู่สังคมและช่วยเหลือคนตัวเล็กๆ ให้สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ โดย BAM ไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่ผลกำไรหรือยอดจัดเก็บ แต่ต้องการช่วยให้ลูกหนี้มีทางรอดและพลิกฟื้นกลับมาได้

ดร รักษ์ BAM

โครงการทรัพย์มหาชนมีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสให้คนตัวเล็กๆ หรือกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระและค้าขายทั่วไปที่ไม่มีสลิปเงินเดือนหรือมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ สามารถเข้าถึงทรัพย์สินของ BAM ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักถูกสถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อจึงไม่สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ BAM จะนำทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นห้องชุด บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายทั่วไปในตลาดประมาณ 15-20% และสำหรับกลุ่มเปราะบางบางชิ้นอาจมีส่วนลดมากกว่า 50% เริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 บาท ไปจนถึงประมาณ 5 ล้านบาท โดยสามารถผ่อนกับ BAM ได้ในอัตราดอกเบี้ยที่พยายามจะให้อยู่ระหว่างอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านมือ 1 และบ้านมือ 2 เพื่อให้เป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่าย คาดว่าจะเปิดโครงการได้ในไตรมาสที่ 4

ขณะเดียวกัน BAM ยังมีโครงการความร่วมมือกับกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกว่า Branded Property Developer ซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธลับที่สำคัญของ BAM โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบายทรัพย์สินที่เป็นโครงการของผู้พัฒนาเหล่านี้ที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอของ BAM กลับคืนสู่ตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากในปัจจุบันมีสินค้าที่ล้นตลาดในบางทำเล ขณะที่สถาบันการเงินไม่ได้ปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากเท่าที่ควร ประกอบกับราคาที่ดินเปล่าในกรุงเทพฯไม่ว่าจะเป็นในย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือแม้แต่ชานเมืองได้ปรับตัวสูงขึ้นจนเกินกว่าจุดคุ้มทุนไปแล้วทำให้การพัฒนาโครงการใหม่เป็นเรื่องยาก BAM จึงมองเห็นโอกาสที่จะให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้สามารถซื้อทรัพย์สินของโครงการตนเองกลับคืนไปรีโนเวทและขายในราคาที่ต่ำกว่าตลาดได้ประมาณ 10% ซึ่งจะเป็น win scenario สำหรับผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจต่อไป โดยจะเริ่มต้นที่กลุ่มคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อนภายในไตรมาส 3 นี้

ดร.รักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2568 โดยภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ สามารถสร้างผลเรียกเก็บได้สูงถึง 10,154 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 7,493 ล้านบาท หรือโตถึง 36% ขณะที่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีผลเรียกเก็บ 6,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก ที่มีผลเรียกเก็บ 3,192 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 118% และมีกำไร 1,511 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 880 ล้านบาท

BAM

ผลการดำเนินงานที่ดีในครึ่งปีแรกเป็นผลจากการต่อยอดแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของ BAM ทั้งในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ยังใช้แนวทางที่ให้โอกาสลูกหนี้ในการได้หลักประกันซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินกลับคืนไปด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน และมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงินของตน โดยปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ด้วยกระบวนการ Recycling Machine ส่วนด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ได้เดินหน้ากลยุทธ์ที่มุ่งขยายฐานธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรที่มีศักยภาพ ทั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงิน พลิก “ทรัพย์ร้าง” ให้กลายเป็น “ทรัพย์สร้างกำไร” ต่อยอดเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้กับ BAM อย่างต่อเนื่อง

สำหรับในครึ่งปีหลัง BAM ยังเดินหน้าในการสร้าง Model ธุรกิจใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายผลเรียกเก็บตามที่ตั้งไว้ 17,800 ล้านบาท หรืออาจจะได้มากกว่านั้น

“BAM ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์เชิงรุกทั้งด้าน NPL/NPA ด้วยแนวทาง Stronger Together เปลี่ยนจาก “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” มาสู่ Model ธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด “Opportunities for All” ที่ให้โอกาสลูกหนี้ NPL พลิกฟื้นกลับมาเป็นลูกหนี้ Reperforming Loan (RPL) ด้วยกลยุทธ์ TDR Factory และโครงการ Financial Advisory Center (หมอหนี้) รวมทั้งได้มีการหารือเบื้องต้นกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับแนวทางการกำหนดรหัสใหม่ให้กับลูกหนี้ผ่อนชำระดีต่อเนื่อง ซึ่ง BAM จะเดินหน้าประสานงานรวมถึงหาพันธมิตรธนาคารที่จะเข้ามาช่วยลูกหนี้กลุ่มนี้ของ BAM ขณะเดียวกัน BAM ยังมีหน้าที่ในการช่วยกลั่นกรองและปรับสภาพหนี้ (Buffer) ของลูกหนี้ เพื่อเป็นการลดภาะหนี้ของสถาบันการเงิน และจะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อออกมาได้มากขึ้น ส่วนทางด้าน NPA ยังเดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่เป็น Developers ทั้งขนาด S M L ในรูปแบบ Model ที่ Developers จะเข้ามา flipping และขายให้กลุ่มลูกค้าของตนเอง” ดร.รักษ์กล่าว