ซีอีโอ เอสซี แอสเสท “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ชี้ธุรกิจอสังหาฯอาการยังน่าห่วง ขอยาแรงรัฐบาลกระตุ้นด่วน!
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 มีความยากไม่ต่างจากปีที่แล้วจาก 1. ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงอยู่ 2.อุปทานในตลาดอยู่ในภาวะ Over Supply โดยเฉพาะสินค้าบ้านแนวราบในทุกระดับราคา คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะกลับไปอยู่ในภาวะปกติ 3.ความเชื่อมั่นโดยรวมยังไม่ดี คนก็ยังระมัดระวังในการใช้จ่าย ธนาคารก็ปล่อยสินเชื่อยาก ทั้ง 3 เรื่องยังเป็นอุปสรรคที่ต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา
ในปีนี้ยังมีความผันผวนเพิ่มเติมเข้ามาในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้าจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีทั้งโอกาสและอุปสรรค อุปสรรคก็คือ มีความไม่แน่นอนสูงทำให้คนชะลอการลงทุน ขณะที่โอกาสจะมาจากการย้ายฐานการผลิตทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ก็มีจะแนวโน้มที่ดีขึ้น
เป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทต้องมีการปรับตัวอย่างมาก เรื่องสำคัญก็คือความหลากหลาย เราจำเป็นจะต้องกระจายความเสี่ยงในหลายๆ ธุรกิจออกไป จึงต้องทำทั้ง บ้านแนวราบ คอนโดมิเนียมซึ่งตอนนี้สถานการณ์ดีกว่าบ้านแนวราบ และมีโรงแรม คลังสินค้า และยังมีธุรกิจอื่นในอนาคตที่อยู่ใน Engine 3
สถานการณ์ในขณะนี้จำเป็นจะต้องกระตุ้นภาคอสังหาฯอย่างมากจึงสนับสนุนให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนคลายมาตรการ LTV เพราะมาตรการที่เข้มงวดของ LTV มีไว้เพื่อป้องกันการเก็งกำไร แต่วันนี้เราเห็นแล้วว่าการเก็งกำไรหมดไปจากตลาดแล้ว ขณะที่ลูกค้าต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 หลังที่ 3 เพื่อซื้อให้ลูก หรือซื้อเพื่ออยู่ใกล้ที่ทำงาน
3 มาตรการหลักๆ ที่อยากจะให้มีคือ
1.การกระตุ้นกำลังซื้อโดยรถหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองในทุกระดับราคาบ้าน
2.ควรจะมีการสนับสนุนด้านด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย คงจะต้องมีมาตรการอะไรสักอย่างที่จะมาสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยกู้ให้คนได้มากขึ้นรวมไปถึงการผ่อนคลาย L TV ที่จะทำให้คนมีโอกาสกู้ได้มากขึ้น
3.จะต้องมีมาตรการดึงดูดชาวต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยซึ่งอาจจะไม่ใช่การกระตุ้นอสังหาฯโดยตรง แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวม เพราะว่าวันนี้ประเทศไทยเราต้องการเม็ดเงินจากต่างประเทศ และการที่นักลงทุนจากต่างประเทศจะเข้ามาก็จำเป็นจะต้องมีที่อยู่ที่ทำงาน ภาคอสังหาฯจะเป็นหนึ่งในปัจจัยในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อคนต่างประเทศเข้ามาเราจะได้ประโยชน์จากการเก็บภาษี การกำหนดเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนขั้นต่ำ ถ้า 2 ตัวนี้เรากำหนดดีๆ ก็จะได้เม็ดเงินมหาศาลเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันการที่จะเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ เราก็จะต้องมีข้อจำกัดบางอย่างเพื่อป้องกันความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่นทำเล ว่าจะซื้ออยู่ได้ในโซนไหน การจำกัดราคาขั้นต่ำ การจัดการจำกัดสัดส่วนพื้นที่
สำหรับตลาดตลาดบ้านเดี่ยวในปีนี้ไม่น่าจะเติบโตหรือไม่ก็อาจจะติดลบได้ยกเว้นว่าจะมีมาตรการออกมากระตุ้น ถึงจะทำให้ยอดขายของบ้านเดี่ยวโดยรวมดีขึ้นได้ เพราะว่าตอนนี้ตลาดโอเวอร์ซัพพลายในทุกระดับราคาแม้ในกลุ่มบ้านเกินกว่า 10 ล้านบาทซึ่งเป็นตลาดที่แข็งแรงกว่ากลุ่มอื่นแต่ก็ยัง Over Supply จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆอีก 3 ปี ในการระบายสต๊อกออกไปถึงจะกลับมาขายได้ปกติ แต่ถ้ามีมาตรการกระตุ้นก็อาจจะบวกได้ตอนนี้ผู้ประกอบการอสังหาจึงต้องการมาตรการจากภาครัฐเป็นอย่างมาก
.
#propertymentor#property#thaiproperty#อสังหาริมทรัพย์#ซื้อบ้าน#ซื้อคอนโด#scasset#มาตรการกระตุ้นอสังหา