เมื่อวันก่อนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย และมีตำแหน่งสำคัญคือเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน จึงถูกมองว่าเป็น The Man Behind นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้ ได้ไป Dinner Talk ในงานชื่อ Chat With TONY: Bull Rally Thai of Capital Market จัดโดยหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ

ในงานนี้อดีตนายกฯทักษิณ พูดถึงหลายๆ นโยบายที่จะนำมาพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และการลงทุนของไทย โดยมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า ถ้ารัฐบาลสามารถผลักดันโครงการต่างๆ ออกมาได้ พร้อมๆ กับการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการลงทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยจะเริ่มพลิกฟื้น โดยในปี 2568 แม้ว่าหลายๆ คนมองว่าเศรษฐกิจไทยจะโตไม่ถึง 3% แต่นายทักษิณมั่นใจว่าจะได้ 3% กว่าๆ เป็นอย่างน้อย และในปี 2569 จะโตไม่ต่ำกว่า 4% ปี 2570 จะโตไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งนายทักษิณสำทับว่า ยังไงๆ จะต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้
มีหลายๆ เรื่องที่นายทักษิณขายไอเดียเอาไว้วันนั้น บางเรื่อง หรืออาจจะหลายเรื่องที่ซ้ำๆ กับที่เคยไปพูดไว้ในหลายเวที แต่อยากจะขอยกไอเดียของอดีตนายกฯทักษิณซึ่งก็คือนโยบายที่รัฐบาลจะรับช่วงมาทำต่อที่เกี่ยวข้องและส่งผลกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง เรื่องสำคัญที่พูดในวันนั้นก็คือ การนำพ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิมาใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นการลงทุน เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมให้ได้อย่างต่อเนื่อง
พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ เป็นกฎหมายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2562 เนื้อหาหลักๆ แบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เป็นกฎหมายที่เพิ่มออปชั่นในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้มากขึ้นกว่าการเช่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายว่าด้วยการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม เช่น สามารถโอนเปลี่ยนมือ หรือตกทอดแก่ทายาทได้ สามารถนำไปเป็นหลักประกันการกู้ยืมได้ สามารถดัดแปลง ต่อเติม ปลูกสร้าง เสมือนหนึ่งเป็นเจ้าของได้ เป็นต้น (ทำความเข้าใจ พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. 2562)
นายทักษิณพูดในช่วงหนึ่งว่า จะใช้กฎหมายเรื่องทรัพย์อิงสิทธิที่ให้เช่า 99 ปีกับทรัพย์สินของรัฐ เพื่อเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ๆ สร้างการลงทุนใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมให้ได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องแรกก็คือโครงการสร้างบ้านเพื่อคนไทย โดยใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่รถไฟฟ้าในเมือง เพื่อให้คนที่มีรายได้น้อยหรือเพิ่งตั้งตัวใหม่ที่มีความฝันว่าอยากจะมีบ้าน พอเริ่มทำงานได้ก็จะมีบ้านได้ นั่นก็คือการมีคอนโดเล็กๆ พื้นที่สักก 32 ตารางเมตรโดยประมาณ ไม่ต้องวางเงินดาวน์ ใช้ผ่อนเหมือนค่าเช่าเดือนละประมาณ 4,000 กว่าบาท


อ่านข่าวรายละเอียด บ้านเพื่อคนไทย
“บ้านเพื่อคนไทยจะเกิดในรัฐบาลนี้ในเร็วๆนี้ เข้าใจว่าในวันที่ 17 (มกราคม 2568) นายกฯก็คงจะประกาศเรื่องนี้ ก็จะทำให้คนไทยที่ฝันอยากมีบ้าน ก็จะมีบ้านเป็นของตัวเองแต่คนที่ทำบ้านจัดสรรไม่ต้องเดือดร้อน เพราะเมื่อเริ่มมีรายได้มากขึ้นเขาก็อยากสบายขึ้นก็จะไปซื้อบ้านที่หลังใหญ่ขึ้น แต่ในช่วงเริ่มต้นชีวิต เหมือนให้นกกระจอกได้มีรังอยู่ เขาจะได้มีโอกาสฝันสูงๆ ฝันที่จะสร้างอนาคตให้ตัวเอง ให้ลูกให้ครอบครัว เมื่อเขามีที่อยู่ที่มั่นคง ไม่ต้องไปอยู่สลัมหรือเช่าบ้านอยู่ราคาถูกๆ ซึ่งก็แพงสำหรับเขา”

อีกเรื่องที่นายทักษิณอยากจะทำและขายไอเดียมาแล้วหลายรอบโดยอาศัยกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิให้เช่า 99 ปี ให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ก็คือการถมทะเล เพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ
“กรุงเทพฯอีก 10 ปีโอกาสน้ำท่วมสูงมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มาก แต่ว่าน้ำทะเลสูงขึ้นทุกวันเพราะปัญหาโลกร้อน วันนี้ถ้าเราป้องกันโดยการถมทะเลทำเป็นเขื่อนกันให้น้ำไม่เข้ากรุงเทพฯ ตรงนี้ก็จะช่วยได้เยอะ แต่ว่ารัฐบาลจะลงทุนเองคงไม่ไหว แต่เนื่องจากเรามีกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิที่สามารถให้เช่าได้ 99 ปี เราสามารถเชิญชวนเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศมาลงทุนถมทะเล เพื่อ Reclaimed Land ขึ้นมา และเอา Land นั้นมาจัดผลประโยชน์ทำมาหากินได้ 99 ปี ซึ่งก็คุ้ม
พอผมพูดไอเดียนี้ก็มีคนสนใจ อย่างเช่นถ้าใครเคยไปดูไบก็จะเห็นโครงการเดอะปาล์ม ที่ถมทะเลออกไปถึง 70 ไมล์ วันนี้สิ่งเหล่านี้ก็คงจะเกิดเพื่อสร้างบรรยากาศของการลงทุน ทั้งภาครัฐและเอกชนให้มากขึ้น เราก็จะได้ที่ดินมากขึ้นลดความแออัดของกรุงเทพฯได้”

นอกจากนี้ ที่ดินของรัฐทั้งหลายก็สามารถนำมาให้เอกชน เช่า 99 ปีได้ ด้วยกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ เราอยากเห็นบ้านสวยๆ แบบเมืองนอกที่เขามีบ้านบนภูเขา เป็นชั้นๆ ของเราภูเขาเหล่านั้นเป็นป่าสงวนบ้าง เป็นป่าที่หมดสภาพความเป็นป่าแล้ว แบบนี้ก็สามารถนำมาประกวดราคาให้เช่า 99 ปี แล้วนำมาพัฒนาอะไรขึ้นมาได้ จะเป็นบ้านจัดสรร เป็นบ้านพักตากอากาศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการลงทุนในประเทศ อุตสาหกรรมการก่อสร้างก็จะเติบโตขึ้นเพราะเราพยายามหาอะไรให้เขาลงทุนได้มากขึ้น
อีกเรื่องหนึ่งที่พยายามจะแก้กฎหมายให้ประชาชนและเอกชนสามารถขุดลอก คลองหรือแม่น้ำเพื่อเอาดินไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ผิดกฎหมายแต่ห้ามนำไปขายต่างประเทศสอดรับกับโครงการถมทะเลก็อาจจะขุดลอกดินจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปใช้ได้ ก็จะทำให้แม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำที่ผ่านได้มากขึ้นเพราะไม่ตื้นเขิน ซึ่งจะต้องแก้กฎหมายและต้องใช้เวลาหน่อย
ไอเดียของอดีตนายกฯทักษิณในการกระตุ้นลงทุนทั้งเรื่องบ้านเพื่อคนไทย การ Reclaimed Land และการนำที่ดินของรัฐมาใช้ประโยชน์ ผ่านเครื่องมือทางกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ โดยเปิดให้เช่าระยะยาว 99 ปี จำเป็นต้องแก้กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิที่กำหนดให้การนำอสังหาริมทรัพย์มาจดทะเบียนก่อตั้งทรัพย์อิงสิทธิมีระยะเวลา 30 ปี แต่การแก้กฎหมายเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และมักเกิดกระแสต้านที่รุนแรง โดยเฉพาะในประเด็นขายชาติ ขายแผ่นดิน แม้ว่าจะเป็นการให้สิทธิการเช่าที่ต่างชาติสามารถเช่าได้อยู่แล้ว แต่ตัวเลข 99 ปี ก็เป็นการให้สิทธิการเช่าที่ยาวนานเกินไป นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมจากการถมทะเล ความคลางแคลงใจในการนำที่ดินรัฐมาให้นายทุนได้ใช้ประโยชน์
สิ่งเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคสำคัญในการเดินหน้าโครงการ และดีไม่ดีอาจจะสั่นคลอนไปถึงรัฐบาลของลูกรักก็เป็นได้
นอกจากเรื่องของการนำกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิมาปลุกการลงทุนแล้ว นายทักษิณยังมีแนวคิดที่จะแปลงสินทรัพย์จริงสู่โลกดิจิทัล หรือที่เรียกกันว่า Real-World Asset Tokenization ซึ่งก็คือการนำสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงที่มีมูลค่า ซึ่งอาจเป็นสินทรัพย์ที่มีสามารถจับต้องได้ (Tangible Assets) เช่น อสังหาริมทรัพย์ อย่างคอนโดมีเนียม ออฟฟิศให้เช่า หรือโรงแรมต่าง ๆ, งานศิลปะ, สินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น หรือเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถจับต้องได้ (Intangible Assets) เช่น ลิขสิทธิ์, สิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า เป็นต้น มาแปรสภาพด้วยการออกเป็น Digital Token บนเทคโนโลยีบล็อกเชน และนำไปเสนอขายให้กับนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจ โดย Digital Token ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงดังกล่าว เรียกว่า “Asset-backed token” (ข้อมูลจาก เว็บไซต์ www.setinvestnow.com พัฒนาโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)

“อีกหน่อยจะมีการเทรด Token ที่มาจาก Real-World Asset จะช่วยให้ภาครัฐหรือภาคเอกชนที่มี Asset ที่ไม่ค่อย Active นำมาทำให้ Active ได้ไม่ว่าจะเป็นคอนโด ห้องเช่าที่เหลือ บ้านที่เหลือ โดยการเอามาทำ Real-World Asset Tokenization ได้ เพราะเรื่องนี้มาในปีนี้แน่ จากที่พูดมา 3 ปีแล้วยังไม่เกิด แต่ปีนี้ผมว่าจะเกิดขึ้น” นายทักษิณกล่าว
อีกเรื่องที่เป็นปัญหาที่หนักใจเวลาไปหาเสียงต่างจังหวัดจะพบว่าในพื้นที่ชนบทไม่มีเงินหมุนเวียนอยู่เลย ไม่มีสตางค์จะใช้กันเลย เพราะว่าเวลาที่หาเงินมาได้ นำไปซื้อของกิน ซื้อเสื้อผ้า ซึ่งร้านค้าที่อยู่ในต่างจังหวัดก็จะเป็นสาขาของกรุงเทพฯเงินก็ถูกส่งกลับ เงินที่หามาได้จึงไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชนบท แต่กลับเข้ามากรุงเทพฯหมด
“วันนี้เศรษฐกิจของต่างจังหวัดจึงเหือดแห้งเป็นเรื่องที่น่ากลุ้มใจมาก ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร ผมมองง่ายๆ อยู่ 2-3 เรื่อง เรื่องแรก เราจะจูงใจให้บริษัทในกรุงเทพฯ ไปตั้ง Headquarter ในต่างจังหวัด โดยใช้การลดภาษีเป็นตัวจูงใจ จังหวัดเกรด 1 ก็ลดภาษีให้เท่านี้ จังหวัดเกรด 2 ลดภาษีให้เท่านี้ จะน่าสนใจหรือไม่ อีกเรื่อง(ที่สอง)ก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ว่าสนามบินในต่างจังหวัดของเรา หลายสนามบินก็มีที่จอดอยู่จำนวนมาก ทำไมต้องมาจอดกันอยู่แค่ที่ดอนเมืองและที่สุวรรณภูมิ โดยเฉพาะสายการบินโลว์คอสท์
ถ้าเรายกให้เช่นว่าพิษณุโลกเป็นฮับของ ไลออน แอร์ หรือจังหวัดนี้เป็นฮับของเวียดเจ็ท ทำให้เครื่องบินไปจอดอยู่ที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ก็จะเพิ่มเม็ดเงินทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดนั้นๆ และเรื่องที่สาม คือการนำ ดิจิทัล วอลเลท มาเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถกระจายเงินออกไปได้ นอกจากการเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดิจิทัล วอลเลทจะเป็นเครื่องมือในการคุมเม็ดเงินให้ใช้ตรงไหน อย่างไรได้ ก็จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ประโยชน์ในการรักษาเม็ดเงินเอาไว้ในชนบทได้”
ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของไอเดียอดีตนายกฯทักษิณในการกระตุ้นการลงทุน พลิกฟื้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงภาคธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ และภาคก่อสร้าง แต่จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องคอยติดตามนกัแบบยาวๆ ครับ