fbpx
บิ๊กอสังหาฯ ผนึกทุนญี่ปุ่น

2 บิ๊กอสังหาฯผนึกทุนญี่ปุ่นลุยบ้านหรู-คลังสินค้า-โรงงานในไทย

แม้ว่าตลาดจะซบเซาอย่างหนักหน่วง แต่อสังหาฯไทยยังไม่สิ้นมนต์ขลัง เมื่อทุนญี่ปุ่นยังให้ความสนใจเข้าลงทุนอีกระลอก โดยจับมือกับพันธมิตรบิ๊กอสังหาฯรายใหญ่ พร้อมๆ กัน 2 รายเลยทีเดียว

รายแรก เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ได้ร่วมลงทุนกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯเก่าแก่อายุ 128 ปี จากญี่ปุ่น นอกจากเก่าแล้วยังแกร่งด้วยทุนจดทะเบียน 22,000 ล้านบาท และมีทรัพย์สินกว่า 460,000 ล้านบาท พัฒนาอสังหาฯมาแล้วหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม ออฟฟิศ โรงแรม และรีเทล โดยก่อนหน้านี้ โตเกียว ทาเทโมโนะ ได้ลองคบหากับเอสซี แอสเสท ด้วยการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันมาแล้ว 1 โครงการ ชื่อว่า เรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ (นอกจากนี้ โตเกียว ทาเทโมโนะยังมีคอนโดที่พัฒนาร่วมกับ แอสเซทไวส์ และไรมอน แลนด์ รวมถึงออฟฟิศร่วมกับ WHA)

มาคราวนี้จึงอยากสานสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้นไปอีกด้วยการร่วมลงทุนพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ารองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นำร่องใน 2 ทำเลที่บางนา กม. 20 และแหลมฉบัง และเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนของเอสซี แอสเสท โดยการขยายพอร์ต recurring income เพิ่มมากขึ้น

SCxTatemono

“ความหลากหลายของธุรกิจจะช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างยืดหยุ่น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวน และการลงทุนในธุรกิจ คลังสินค้า-โรงงานเพื่อเช่า เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะสร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอให้ SC (recurring income) ธุรกิจนี้ มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพราะได้แรงสนับสนุนจากการเติบโตของ e-commerce ในประเทศไทย โดยตลอด 10 ปีนี้ SC ตั้งเป้าหมายพัฒนาคลังสินค้า-โรงงานให้เช่า รวม 1 ล้านตารางเมตร

ในครั้งนี้ โตเกียว ทาเทโมโนะ และ เอสซี แอสเสท ตัดสินใจร่วมลงทุนพัฒนาคลังสินค้า-โรงงานให้เช่ารวม 126,704 ตารางเมตร ในทำเลบางนา กม.20 และ แหลมฉบัง เป็นการร่วมทุนครั้งที่ 2 ต่อยอดความสำเร็จจากการร่วมทุนครั้งแรกในธุรกิจคอนโดมิเนียม และเราจะมีการร่วมทุนครั้งต่อไปอีกในอนาคต เพราะเรามีวิสัยทัศน์ ทัศนคติ และความรู้ประสบการณ์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กันและกันเป็นอย่างดี” ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กล่าว

ส่วนทางฝ่ายญี่ปุ่น มร.ฟุมิโอะ ทะจิมะ กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการสายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด กล่าวถึงการขยายการลงทุนในไทยครั้งนี้ว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักยภาพสูง มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค และมีกำลังการบริโภคสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งคาดว่า ในปี 2569 ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2564

นอกจากนี้ ประเทศไทยตั้งอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางของเครือข่ายการขนส่งของภูมิภาค และภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกให้ไทยเป็นฐานการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อส่งออกไปทั่วโลก จึงทำให้ตลาดโลจิสติกส์ในประเทศไทยมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก การร่วมทุนในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของ โตเกียว ทาเทโมโนะ ที่จะเข้ามาลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับโลจิสติกส์ในไทย

Perspective SCX Logistics Bangna Km

เอสซี แอสเสท และโตเกียว ทาเทโมโนะ ได้วางแผนพัฒนาโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า 2 โครงการ ใน 2 ทำเล ได้แก่ SCX บางนา กม.20 ย่านบางนา ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพใกล้ใจกลางกรุงเทพฯ และ สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นหนึ่งในทำเลที่มีความต้องการพื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากที่ตั้งของโครงการสามารถเข้าถึงใจกลางกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โครงการนี้จะมีคลังสินค้าทั้งหมด 5 อาคาร รวม 15 ยูนิต โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 78,252 ตารางเมตร แบ่งเป็น 4 เฟส เฟสแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2568 เฟสที่ 2 และเฟสที่ 3 ในเดือนเมษายนและธันวาคม 2568 และเฟสที่ 4 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2569

Perspective SCX Logistics Laemchabang

ส่วนอีกโครงการ คือ SCX แหลมฉบัง ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือการค้าระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้มีความต้องการพื้นที่คลังสินค้าสำหรับเก็บชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกไปต่างประเทศ โครงการนี้จะมีคลังสินค้าทั้งหมด 3 อาคาร รวม 10 ยูนิต โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวม 46,602 ตารางเมตร แบ่งเป็น 3 เฟส เฟสแรกและเฟสที่ 2 จะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2568 และเฟสที่ 3 ในเดือนมกราคม 2569

ส่วนรายที่ 2 ที่ประกาศตัวในวันเดียวกัน (8 ก.ค.67) ก็คือ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่จะร่วมทุนกับ MORI TRUST บริษัทอสังหาฯจากญี่ปุ่น พัฒนาโครงการอสังหาฯระดับลักชัวรี่ในไทยเป็นครั้งแรกเริ่มต้นที่ โครงการ มอลตัน เกสต์ กรุงเทพกรีฑา 2 มูลค่าโครงการราวๆ 2,100 ล้านบาท

Malton Gates Krungthep Kreetha II

MORI TRUST เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น ที่เชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ในมหานครโตเกียว และยังดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทหลากหลายแห่งในประเทศญี่ปุ่น มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการมาแล้วกว่า 66 แห่ง ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมถึงโรงแรมและรีสอร์ท 31 แห่ง

“MORI TRUST มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ลงทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นครั้งแรก ซึ่งภายใต้ความร่วมมือกับเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ นับว่าโครงการนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งแรกของ MORI TRUST ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ในต่างประเทศ เราดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามกลยุทธ์ “Advance 2030” ในระยะกลางถึงระยะยาว โดยมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างแข็งขันต่อไป” มิวาโกะ ดาเตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ MORI TRUST ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า

เมเจอร์xMORI TRUST

ส่วนเจ้าภาพฝ่ายไทย เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวเสริมว่า “การร่วมทุนกับ MORI TRUST ในครั้งนี้ ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการรักษาความเป็นเลิศด้านงานฝีมือและคุณภาพ (MAJOR Craft & Quality) ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ MORI TRUST นำโดยผู้บริหารผู้มีวิสัยทัศน์ระดับโลกอย่างคุณมิวาโกะ ดาเตะ ได้เลือกที่จะลงทุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ในต่างประเทศเป็นครั้งแรกกับเรา

แม้ว่าทุนรถยนต์ญี่ปุ่นจะเริ่มขยับขยายออกจากไทย สวนทางกับทุนอสังหาฯจากแดนอาทิตย์อุทัยที่ยังขยายธุรกิจเข้ามาร่วมลงทุนกับพันธมิตรไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าทุกอย่างจะหวานหอมดังใจคิด เพราะยังมีเรื่องที่จะต้องศึกษากันและกัน และต้องฝ่าฟันร่วมกันอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่อสังหาฯไทยสาหัสสากรรจ์หรือเกิน