พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เน้นการเงินมั่นคง เร่งขายที่ดิน-เงินลงทุนในโรงแรมสางหนี้ 1.1 หมื่นล้านใน 3 ปี ขณะที่ลดการเปิดโครงการเหลือ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 7 พันล้าน คัดเฉพาะที่มั่นใจขายได้เร็วป้องกันแคชโฟลว์มีปัญหา
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้ประเมินทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งปัจจัยด้านบวก และปัจจัยด้านลบ โดยได้ประเมินว่า ภาคอสังหาฯ แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง แต่ภาพโดยรวมก็ยังไม่ได้สดใสนัก จากปัญหาที่เรื้อรังมานานก็คือ ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง การปฏิเสธสินเชื่อของสถานบันการเงิน และการระดมทุนทั้งการออกหุ้นกู้ และการกู้เงินจากธนาคารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทำได้ลำบากขึ้น ซึ่งปัจจัยต่างๆ กระทบทั้งฝั่งดีมานด์และซัพพลาย
แต่ในขณะเดียวกัน ในปีนี้ก็ยังมีปัจจัยที่ดีไม่ว่าจะเป็น การฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าปี 2566 ซึ่งทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น ทั้งในใจกลางเมืองและเมืองท่องเที่ยวสําคัญ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ เรื่องของการลดค่าโอนและค่าจดจำนองที่ขยายระยะเวลาไปจนถึงปลายปี 2567
ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะเริ่มปรับตัวลดลง โดยคาดว่า ดอกเบี้ยบ้านเราจะปรับตัวลงตามการปรับตัวของดอกเบี้ยสหรัฐที่จะเริ่มปรับตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะลดดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง และถ้าไทยปรับลงตาม 3 รอบๆ ละ 0.25% จะช่วยส่งเสริมให้กำลังซื้อในตลาดอสังหาฯเพิ่มขึ้นได้อีก 5% นอกจากนี้เราเห็นความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติเริ่มมีมากขึ้นจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์จากความคัดแย้งในหลายๆ พื้นที่ของโลก
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของผังเมืองที่กำลังปรับปรุงใหม่ จะเปิดพื้นที่อีกหลายๆ พื้นที่ให้มีการพัฒนาได้มากขึ้น ขณะที่ในปีนี้จะเป็นปีที่รถไฟฟ้าวิ่งให้บริการครบ 10 สาย ซึ่งส่วนใหญ่มีเส้นทางกระจายออกไปนอกเมือง จะช่วยเปิดหน้าดินการพัฒนา และกระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบที่อยู่นอกเมือง และอีกปัจจัยที่กระตุ้นตลาดคือการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของเอกชนในปีนี้ วันแบงค็อก จะเริ่มเปิดตัว รวมไปถึงโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ก็จะเสร็จในปี 2568 ก็จะช่วยปลุก sentiment ในภาพรวมของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
“ในปี 2567 ยังเป็นปีที่ต้องระมัดระวังในการลงทุน เนื่องจากการระดมเงินสำหรับการพัฒนาโครงการจะทำได้ยากขึ้นทั้งในฝั่งของการขอสินเชื่อที่ทำได้ยากขึ้น และการออกหุ้นกู้ ดังนั้นการพัฒนาโครงการในปีนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทำให้ในปีนี้เราจะเปิดโครงการไม่มากนักเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา เราจะเลือกเฉพาะโครงการมั่นใจว่าเปิดแล้วขายได้เร็ว เพื่อไม่ให้แคชโฟลว์มีปัญหา และเป็นโครงการที่เป็น mainstream ของเราเป็นบ้านในระดับกลาง และกลาง-บน ส่วนคอนโดยังไม่มีการเปิดตัวในปีนี้”
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังมีนโยบายสร้างความมั่นคงด้านการเงิน ให้ความสำคัญกับการลดภาระหนี้มากกว่าการขยายตัว ตั้งเป้าลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของกลุ่มบริษัทให้ลงไปอยู่ที่ระดับ 1 เท่าภายในสิ้นปีนี้ โดยปีนี้มีแผนลดภาระหนี้ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 2,000 ล้านบาท แกรนด์ แอสเสทฯ 5,000 ล้านบาท รวมเป็น 7,000 ล้านบาท จากการขายที่ดินและขายการลงทุนในธุรกิจโรงแรม นอกจากนี้ยังมีแผนลดภาระหนี้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ใน 2 ปีข้างหน้าอีกปีละ 2,000 ล้านบาท จากการขายที่ดินและเงินคืนจากบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะทำให้กลุ่มบริษัทสามารถลดภาระหนี้ลงรวม 11,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการจัดการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ลดภาระหนี้ พัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ และการดำเนินงานเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้กลุ่มบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 20,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 9,750 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,540 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 4,460 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท ขณะที่รายได้ตั้งไว้ที่ 18,000 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 8,600 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,380 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 3,770 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท
ในส่วนโครงการร่วมทุน ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีการร่วมทุนกับ 3 บริษัทชั้นนำจากต่างประเทศ เป็นมูลค่าโครงการรวม 28,120 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากโครงการร่วมทุนเติบโตอีก 24% ขณะที่ธุรกิจโรงแรมปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากปีก่อนถึง 54% ซึ่งมีปัจจัยบวกหลักคือสถานการณ์โควิด-19 ที่กลับสู่ภาวะปกติ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงงานประชุมต่างชาติ
“โรงแรมทั้ง 5 แห่งของบริษัท มีอัตราเข้าพักและราคาเฉลี่ยต่อห้องสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสามารถสร้างกำไรจากการบริหารงานได้สูงกว่าปี 2565 อยู่ที่ 152% อีกทั้งมากกว่าปี 2562 ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ถึง 10% สำหรับปี 2567 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 22% กำไรขั้นต้นเติบโต 36% จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา”
ด้านนายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัท ว่า ในส่วนของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค วางเป้าขายอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 12,000 ล้าน มีแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 6,290 ล้านบาท ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,410 ล้านบาท เป็นแนวราบทั้งหมดโฟกัสกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน
ขณะเดียวกัน พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ยังเดินหน้าสู่ความยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Go Green” ผ่าน 4 แกนหลัก ได้แก่
1) Clean Energy การใช้พลังงานสะอาดทั้งในระดับโครงการและในบ้าน ทั้งการติดตั้งโซลาร์รูฟบนอาคารสโมสร สำนักงานขาย และบ้านในโครงการต่างๆ รวมถึงการติดตั้งระบบที่รองรับการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Ready)
2) Water Saving การพัฒนาโครงการที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่ให้มีความโดดเด่น ควบคู่ไปกับการดูแลแหล่งน้ำและทะเลสาบภายในโครงการอย่างดี ทั้งการจัดการคุณภาพน้ำและหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ประโยชน์
3) Materials & Process การให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบให้ลดการใช้พลังงาน และเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้บริษัทมีส่วนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
4) Good Health & Well-Being ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย โดยปีนี้จะเปิดคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่รูปแบบใหม่ในทำเลกรุงเทพกรีฑา เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัยในโครงการ