fbpx

เสนาฯผนึก Zeroboard เดินหน้าสู่บริษัทอสังหาฯ Net Zero

เสนาดีเวลลอปเมนท์ ปรับกลยุทธ์รับวิกฤติโลกเดือด! ต่อยอดแนวคิดพัฒนาบ้านพลังงานเป็นศูนย์-คอนโด Low-Carbon ผนึก Zeroboard สตาร์ตอัพสัญชาติญี่ปุ่น ตามติดการลดคาร์บอนเดินหน้าสู่บริษัทอสังหาฯ Net Zero

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาวะโลกร้อนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางยูเอ็นได้ออกมาให้ข้อมูลว่า โลกเราได้สิ้นสุดภาวะโลกร้อนแล้วและกำลังเข้าสู่ภาวะโลกเดือดจะเห็นได้จากข่าวผลกระทบจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและมีความถี่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดข้อมูลโดย TDRI ช่วยย้ำถึงสถานการณ์ดังกล่าวโดยระบุว่า เราจะต้องอยู่กับ 4 ยมทูตแห่งยุคโลกร้อน ประกอบด้วย น้ำท่วมใหญ่ ไฟป่าแรง แห้งแล้งจัด วิบัติคลื่นร้อน และมนุษย์จำเป็นต้องปรับตัวใหญ่ใน 2 แนวทางควบคู่กันไป คือ การปรับลดคาร์บอนเพื่อลดโลกร้อน (Mitigation) และปรับตัวอยู่กับโลกที่ร้อนขึ้น (Adaptation)

“จะเห็นได้ว่าปัญหาโลกร้อนทำให้คนเราต้องปรับตัวเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญ เมื่อผู้คนต้องปรับตัว ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การสร้างบ้าน ที่พักอาศัยต่างๆ ก็ต้องปรับตัวตามไปด้วยเช่นกัน โดยที่เสนาเรามองว่าเป็นความท้าทายที่ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง จาก DNA แนวคิดละเอียดแบบ MADE FROM HER ที่ได้สะท้อนออกมาเป็นวิสัยทัศน์ของเราคือ The Essential Lifelong Trusted Partner คือมุ่งมั่นในการพัฒนาที่พักอาศัยและธุรกิจที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ดีในทุกช่วงอายุ

การพัฒนาฟังก์ชันของบ้านนั้นจะคำนึงถึงการช่วยให้คนปรับตัวกับการใช้ชีวิตในสถานการณ์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุน Decarbonized Lifestyle หรือการใช้ชีวิตแบบ Low Carbon ไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะเรื่องประหยัดพลังงานที่ปัจจุบันเป็นสาเหตุของการสร้างคาร์บอนเกือบ 50% พิสูจน์ได้จากการที่เราเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ เจ้าแรกที่ติดโซล่าร์เซลล์ให้บ้านทุกหลังตั้งแต่เริ่ม รวมถึงต่อยอดการพัฒนาแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ และ คอนโด Low-Carbon”

ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อว่า โครงการแนวราบของเสนามีแนวคิดบ้านพลังงานเป็น 0 หรือ ZEH คอนเซ็ปต์หลักคือ การออกแบบ Passive และ Active Design ที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ใช้วัสดุประหยัดพลังงาน และการใช้วัสดุก่อสร้างที่ช่วยกันความร้อน รวมถึงการใช้พลังงานสะอาดจากโซล่าร์เซลล์ ช่วยให้เราซื้อไฟฟ้ามาใช้น้อยที่สุด ประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 38%

ขณะที่ คอนโด Low-Carbon ได้ประยุกต์แนวคิด Smart City เข้ามาใช้ โดยใช้วัสดุกันความร้อนและประหยัดไฟ รวมถึงมีการติดตั้วโซล่าร์เซลล์แล้ว ยังมี EV Station และ Smart Mobility แอปข้อมูลการเดินทางแบบไร้รอยต่อที่มีบริการ V MOVE หรือรถรับส่งพลังงานสะอาดที่จะรับลูกบ้านจากโครงการไปส่งยังสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดเข้ามาบริการด้วย ซึ่งบริการเหล่านี้เราสามารถวัดค่าการสร้างคาร์บอนได้ เพราะสิ่งใดที่เราวัดค่าได้ สิ่งนั้นก็สามารถบริหารจัดการได้ “What can be measured, can be managed”

ทั้งนี้นอกจากคอนโด Low-Carbon จะเป็นคอนโดที่ประหยัดพลังงานแล้ว การส่งเสริม Decarbonize Lifestyle ให้ลูกบ้านลดใช้รถส่วนตัว และมาใช้บริการ V MOVE เพื่อต่อรถสาธารณะกันมากขึ้น ก็ยังถือว่าเป็นการช่วยลดการสร้างคาร์บอนได้อีกทาง แต่การวัดค่าการสร้างหรือการลดคาร์บอนก็จำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับจึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งสำคัญในวันนี้กับ Zeroboard

“Zeroboard” เป็น บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศญี่ปุ่นที่ใช้คลาวด์เทคโนโลยีในการคำนวณและการแสดงผลลัพธ์ของการสร้างคาร์บอนสามารถใช้ได้กับทั้งองค์กร หรือผลิตภัณฑ์ ผ่านการทดลองใช้ในระดับเมืองใหญ่ๆ ในประเทศญี่ปุ่น โดยภาครัฐของญี่ปุ่น มีความน่าเชื่อถือและยังง่ายต่อการใช้งาน โดยเสนาฯจะนำระบบนี้เข้ามาใช้กับตัวองค์กร และในโครงการเพื่อเก็บข้อมูลคาร์บอนที่เกิดขึ้น หรือการลดลงของคาร์บอนจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของลูกบ้าน

เสนาให้ความสำคัญ และมุ่งมั่นในการจัดการคาร์บอนอย่างจริงจัง เราลงมือทำจริง วัดจริง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลกของเรา และยังช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่ต้องปรับตัวอย่างมาก และจากความร่วมมือครั้งนี้กับ Zeroboard เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของเป้าหมายต่อไปด้านความยั่งยืนของเรา คือ The road to NET ZERO และเราตั้งเป้าเป็นบริษัทอสังหาฯเจ้าแรกที่ประกาศเป็น Net Zero” ดร. ยุ้ย กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน Mr.Shintaro Suzuki, Director & Head of APAC Regional Business, Zeroboard (Thailand) Co., Ltd. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “Zeroboard” เพิ่มเติมว่า Zeroboard เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการคำนวณและแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศได้ตลอดจนวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Product Carbon Footprint: PCF) ผ่านระบบคลาวด์ พร้อมทั้งมีทีมผู้เชี่ยวชาญในการนำเสนอวิธีการในการลดก๊าซเรือนกระจกที่คำนึงถึงความเหมาะสมกับลูกค้าธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม

ฟังก์ชั่นหลักในการทำงานของ Zeroboard ที่ช่วยในการลดคาร์บอน ได้แก่ การคำนวณค่าปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ค่า Emission Factor จากองค์กรระดับประเทศ และชุดข้อมูลจากมาตรฐานสากล, แสดงผลลัพธ์ที่หน้าแดชบอร์ด เพื่อการวิเคราะห์ผล และส่งข้อมูลออกเป็นเอกสารรายงานทั้งในรูปแบบสรุปผลและรายงานตามมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการ ก๊าซเรือนกระจก รวมถึงแนะนำให้พันธมิตรของเราจัดหาวิธีแก้ปัญหาในการลดคาร์บอนต่อไป

“Zeroboard”ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายได้ไวขึ้นและสามารถปฏิบัติตามหลักการที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ด้วยแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทั้งการคำนวณที่มีความแม่นยำ, การเปิดเผยที่โปร่งใสและได้รับการรับรองตามาตรฐานสากล,และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมี ประสิทธิภาพ (GHG)

จุดเด่นของ “Zeroboard” คือความสามารถในการคำนวณอย่างละเอียด แม่นยำ และการแสดงผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งรองรับทั้งหมด 6 ภาษา รวมถึงภาษาไทย ทำให้สะดวกต่อการใช้งานสำหรับบริษัทที่มีสาขาในหลายประเทศทั้งยังมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ สามารถประเมินปล่อยก๊าซต่อหน่วยสินค้าหรือบริการ (Product Carbon Footprint: PCF) ด้วยวิธี Life Cycle Assessment (LCA) ผ่านแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นบนคลาวด์

“การลงนามความร่วมมือกันในฐานะพันธมิตร ระหว่าง SENA และ Zeroboard ในวันนี้ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยความเชี่ยวชาญในการให้บริการคลาวด์สำหรับคำนวณและแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ของ Zeroboard ทาง SENA จะสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดการปล่อยก๊าซฯ ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มลูกค้าและช่วยประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนในระดับสากลได้อีกด้วย” Mr.Shintaro กล่าว