ปี 2566 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หลังจากบริษัท โอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเป็นครอบครัวชินวัตร และได้นำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2546
ในช่วง 11 ปีหลังเอสซี แอสเสท อยู่ภายใต้การบริหารของ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ลูกเขยของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เข้ามารับช่วงต่อจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบุษบา ดามาพงศ์ โดยเขาเข้ามาเป็นกรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 และขยับเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารในวันที่ 1 มกราคม 2558
ณัฐพงศ์ จึงมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของเอสซี แอสเสทในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา
![](https://thaipropertymentor.com/wp-content/uploads/2023/03/เอสซี-แอสสเท-1280x853.jpg)
ในปีแรกที่แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน เอสซี แอสเสท มีรายได้รวม 1,020 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 306 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 284 ล้านบาท ในปี 2546 จนถึงปี 2555 ซึ่งเป็นปีแรกที่ ณัฐพงศ์ เข้ามาร่วมบริหารเอสซี แอสเสท มีรายได้รวม 8,358 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 7,555 ล้านบาท และมีกำไร 1,108 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากขยายธุรกิจจากอาคารสำนักงานมาสู่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และอีก 10 ปีต่อมา ณ สิ้นปี 2565 เอสซี แอสเสท มีรายได้รวม 21,583 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขาย 20,654 ล้านบาท และมีกำไร 2,563 ล้านบาท
ตลอด 10 ปี เติบโตกว่า 2 เท่าตัวทั้งรายได้รวม รายได้จากการขาย กำไร และยังไต่ระดับสู่ Top Six บริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วง 3-4 ปีล่าสุด
ณัฐพงศ์ กล่าวถึงผลงานในช่วง 11 ปีที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ เอสซี แอสเสท ในวาระที่บริษัทครบรอบ 20 ปีว่า รู้สึกพอใจกับทีมและตัวเลขผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งต้องให้เครดิตกับทีม SC ทุกคน และสิ่งที่จะขับเคลื่อนต่อไปก็คือ การขยายธุรกิจให้หลากหลาย รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของ เอสซี แอสเสท
เอสซี แอสเสท โฟกัสไปที่ธุรกิจโรงแรม รองรับโอกาสจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งการลงทุนเอง การเข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรซึ่งอาจจะมีดีลใหญ่ให้เห็นในเร็วๆ นี้ และธุรกิจคลังสินค้าและศูนย์คัดแยกพัสดุ (warehouses) รองรับบโอกาสจากการเติบโตของ E-Commerce ในปีนี้เป้าหมาย 1 แสนตารางเมตร และในปีหน้าจะหาที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาอีก 1 แสนตารางเมตร โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ warehouses ให้ได้ 1 ล้านตารางเมตรภายในปี 2573
![](https://thaipropertymentor.com/wp-content/uploads/2023/10/COBE-เกษตร-ศรีปทุม--1280x853.jpg)
สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปี เอสซี แอสเสท มีแผนจะเปิดโครงการบ้านแนวราบอีก 6 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,680 ล้านบาท พร้อมทั้งเปิดตัวคอนโดล่าสุด COBE เกษตร-ศรีปทุม ซึ่งเป็นโครงการที่สองต่อจาก COBE รัชดา-พระราม 9 เน้นดีไซน์ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ติด BTS สถานีบางบัว ในราคาเริ่ม 2.79 ล้านบาท เพื่อให้เอสซี แอสเสท บรรลุเป้าหมายในปี 2566 ที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท โดยยอดขายที่ทำได้ในรอบ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 20,700 ล้านบาท เติบโต 20% ขณะที่รายได้ 6 เดือนแรกทำไปได้แล้ว 10,136 ล้านบาท
ก้าวย่างในทศวรรษที่ 3 ของเอสซี แอสเสท เป้าหมายแรกคือการสร้างรายได้รวม 150,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี (ปี 2566-2570) พร้อมกับการไต่ระดับสู่ Top 5 ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นไปได้แค่ไหนต้องติดตามกันต่อไปครับ