fbpx
แลนด์แอนด์เฮ้าส์

บิ๊กแลนด์แอนด์เฮ้าส์เปิดสูตรลงทุนอสังหาฯปี 66

ห่างหายกันมา 3 ปีเต็ม กลับมาคราวนี้ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จัดกระบวนทัพใหม่หลังจากนายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน มือการเงินคนสำคัญได้เกษียณอายุวางมือไป ทัพใหม่ของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยังนำขบวนโดยนายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานคณะกรรมการบริหาร โดยมีนายวิทย์ ตันติวรวงศ์ เข้ามาแทนที่นายอดิศร ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน ดูแลการเงิน การลงทุนของกลุ่ม นายวัชริน กสิณฤกษ์ เป็นกรรมการผู้จัดการสายปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร ดูแลโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ และนายโชคชัย วลิตวรางค์กูร ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการสายปฏิบัติการ โครงการอาคารชุด ดูแลโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูง

ทั้งหมดถือเป็นผู้บริหารรุ่นลายครามในวัย 59-60 ปีอัพๆ ที่ผ่านประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างโชกโชน และยังสร้างผลการดำเนินงานที่ดีให้แลนด์แลนด์แอนด์เฮ้าส์ยังคงแข็งแกร่งทั้งเรื่องของรายได้และผลกำไร แม้จะต้องเจอกับมรสุมคลื่นลงแรงในช่วง 2-3 ปีของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาก็ตาม

สำหรับปี 2566 แลนด์แลนด์แอนด์เฮ้าส์ตั้งเป้าหมายยอดขาย (Booking) เอาไว้ที่ 35,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายสหรับการรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ 33,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าตั้งเป้าหมายไว้ที่ 7,150 ล้านบาท เท่ากับว่าเป้ารายได้รวมของแลนด์แอนด์เฮ้าส์อยู่ที่ประมาณ 40,150 ล้านบาท

พร้อมกับการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 17 โครงการ มูลค่ารวม 34,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 28,460 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท โดยจะเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 13 โครงการ และต่างจังหวัด 4 โครงการ

ในปี 2566 แลนด์แอนด์เฮ้าส์จะมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย และโครงการเปิดใหม่รวม 87 โครงการ มูลค่า 91,320 ล้านบาท มีราคาเฉลี่ยต่ออยู่นิตอยู่ที่ 8.8 ล้านบาท

ถือเป็นการปรับโหมดจากการตั้งรับในช่วงโควิด-19 สู่การเปิดเกมรุกในจังหวะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทั้งจำนวนโครงการที่เพิ่มขึ้น การขยับลงทุนในคอนโดมิเนียมในพื้นที่ที่มีดีมานด์หลังจากหยุดทำตลาดมาได้ 2 ปี การเพิ่มงบลงทุนซื้อที่ดินจาก 4,400 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาเป็น 6,000 ล้านบาท รวมถึงเป้าหมายรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2565 แต่ก็ยังเป็นการขยายการลงทุนที่ต้องระมัดระวัง และประมาณตนเอง

นพร สุนทรจิตต์เจริญ

“การทำธุรกิจในปี 2566 ต้องรู้จักประมาณตน อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง มองหาโอกาสที่มีอยู่ในตลาด และทุกครั้งต้องมีคำตอบว่าเราจะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมากจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เกิดปัญหาเงินเฟ้อจากค่าพลังงานที่ปรับขึ้นสูงในปีที่ผ่านมา

จนมาถึงปีนี้สถานการณ์ต่างๆ ก็ยังไม่นิ่ง แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบถดถอย แต่ก็ยังคาดเดาได้ค่อนข้างยาก ขณะที่เศรษฐกิจของยุโรปก็ยังมีปัญหาอยู่มาก สำหรับประเทศไทย Sentiment ค่อนข้างดี จากภาคท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว จีนเปิดประเทศทำให้นักท่องเที่ยวในปี 2566 อาจจถึง 20 ล้านคน ทำให้เกิดการจ้างงาน การจับจ่ายภายในประเทศเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ประกอบกับ เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกจะชะลอตัวลง และยังมีปัญหาจากภัยธรรมชาติที่จะเข้ามาเปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงการแบ่งขั้วอำนาจของโลกออกเป็น 2 ฝั่ง

การดำเนินธุรกิจจึงยังต้องระมัดระวัง ไม่คาดหวังเกินจริง ไม่โลภ ไม่ตระหนก มองดูผลช่วงสั้น ช่วงกลางจะเป็นอย่างไร และโอกาสอยู่ตรงไหน ซึ่งสิ่งที่แลนด์แอนด์เฮ้าส์ยึดมาตลอดก็คือ ธุรกิจที่เป็นเรียลดีมานด์และตลาดในประเทศเป็นหลัก” นายนพร วิเคราะห์ภาพรวมของปี 2566

ด้านนายวัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า บ้านเดี่ยว ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทที่ยังคงมีความแข็งแรงต่อเนื่อง หากพิจารณาตัวเลขจำนวนหน่วยบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่สร้างโดยผู้ประกอบการ และจดทะเบียนในกทม.และปริมณฑลช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค. 2565 เติบโตประมาณ 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564

ขณะที่ จำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ของสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2565 มีจำนวน 22,855 หน่วย ซึ่งเติบโตเกือบเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากฐานที่ต่ำ ทั้งนี้ ในปี 2565 บ้านแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัท โดยมีสัดส่วนการขายถึง 92% และเป็นบ้านที่สูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนประมาณ 54% ของยอดขาย

สำหรับในปี 2566 โครงการบ้านแนวราบที่จะเปิดให้มีทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่ารวม 28,460 ล้านบาท ประกอบด้วย (บางโครงการมีสินค้ามากกว่า 1 ประเภท) บ้านเดี่ยว 15 โครงการ บ้านแฝด 1 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ

นายโชคชัย วลิตวรางค์กูร กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการอาคารชุด บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ในปี 2566 ตลาดคอนโดมิเนียมจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2565 โดยเป็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยเสริมสร้าง Demand ในประเทศให้แข็งแกร่ง รวมถึง Demand จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่น่าจะทยอยกลับมาตามการเปิดประเทศ และการเดินทางที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ

บริษัทจึงมีแผนเปิดคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการ ในไตรมาสที่ 3 ได้แก่ โครงการ The Key ศรีนครินทร์ มูลค่า 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ในปี 2566 บริษัทจะมีคอนโดมิเนียมทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่า 8,375 ล้านบาท

ด้านนายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วย งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 6,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทมีแผน ที่จะขายโรงแรมในประเทศไทยเข้ากอง REIT และจะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 14,000 ล้านบาท คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 100%

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแลนด์แอนด์เฮ้าส์ยังคงความเป็นบิ๊กเนมในตลาด แม้รายได้และกำไรอาจจะไม่ใช่ที่ 1 เสมอไป แต่ที่แน่นอนกว่าคือ ความคงเส้นคงวาในตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับในปี 2566 แลนด์แอนด์เฮ้าส์จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้หรือไม่ต้องคอยติดตาม