fbpx
shutterstock 1188792046111 e1667275504816

ชาวต่างชาติโอนคอนโดพุ่ง 62.9% จีนยังครองแชมป์เหนียวแน่น

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 3 ปี 2565 พบความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจคือ การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติเพิ่มขึ้น 62.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 23.1% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมา 4 ไตรมาสแล้วนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564

ทั้งนี้เมื่อเทียบกับสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดทั่วประเทศจะพบว่า การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 3 ปี 2565 มีสัดส่วนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ 9.7% โดยเพิ่มสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีสัดส่วน 9.3% เพียงเล็กน้อย และมีสัดส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ 18.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีสัดส่วน 16.7% ส่วนพื้นที่ห้องชุดมีสัดส่วน 12.9% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อยที่มีสัดส่วน 12.0%

เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดจะพบว่า ในไตรมาส 3 ปี 2565 มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศจำนวน 2,860 หน่วย เพิ่ม 62.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในเชิงจำนวนหน่วยสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส นับจากไตรมาส 3 ปี 2564 และยังมีจำนวนหน่วยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายไตรมาสในช่วง 3 ปี ที่เกิด โควิด-19 ที่มีจำนวน 2,092 หน่วย/ไตรมาส ประมาณ 36.7%

สำหรับมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 14,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส นับจากไตรมาส 1 ปี 2564 และยังเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 2 ปี ที่มีการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่มีมูลค่าเพียงไตรมาสละ 9,979 ล้านบาท/ไตรมาส

โดยสัดส่วนห้องชุดใหม่และห้องชุดมือสอง ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติเป็นอัตราส่วน 69.3% : 30.7% มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติเป็นห้องชุดใหม่ต่อห้องชุดมือสองเป็นอัตราส่วน 77.1% : 22.9% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า ส่วนพื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติเป็นห้องชุดใหม่ต่อห้องชุดมือสองเป็นอัตราส่วน 61.9% : 38.1% ซึ่งห้องชุดมือสองมีการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

เป็นที่สังเกตว่า คนต่างชาติอาจมีความต้องการห้องชุดใหม่เพิ่มมากขึ้นและความต้องการอยู่ในทำเลพื้นที่ชั้นใน หรือ พื้นที่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจของเมือง ซึ่งในปัจจุบันมีอุปทานให้เลือกมากขึ้น ประกอบกับราคาห้องชุดใหม่ในทำเลเหล่านี้มีให้เลือกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ห้องชุดใหม่จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนต่างชาติ นอกเหนือจากสัญชาติจีนแล้ว ยังได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อจาก รัสเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมัน และฝรั่งเศส ตามลำดับ

สำหรับระดับราคาห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ 3 อันดับแรก ได้แก่

1.ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีการโอนจำนวน 1,247 หน่วย คิดเป็น 43.6% ของจำนวนหน่วยทั้งหมดจำนวน 2,860 หน่วย

2.ระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวน 784 หน่วย คิดเป็น 27.4%

3.ระดับราคา 5.01-7.50 ล้านบาท มีจำนวน 395 หน่วย คิดเป็น 13.8%

ส่วนระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 260 หน่วย คิดเป็น 9.1% ขณะที่ระดับราคา 7.51-10.00 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนโอนน้อยที่สุด คือ 174 หน่วย คิดเป็น 6.1% โดยห้องชุดราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท ถือว่าเป็นระดับราคาที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน

สัญชาติคนต่างชาติที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด

1.ชาวจีน จำนวน 3,562 หน่วย คิดเป็น 48.9%

2.รัสเซีย จำนวน 420 หน่วย คิดเป็น 5.8%

3.สหรัฐอเมริกา จำนวน 375 หน่วย คิดเป็น 5.1%

4.สหราชอาณาจักร จำนวน 267 หน่วย คิดเป็น 3.7%

5.เยอรมัน จำนวน 231 หน่วย คิดเป็น 3.2% ตามลำดับ

ส่วนสัญชาติคนต่างชาติที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด

1.ชาวจีน มูลค่า 17,943 ล้านบาท คิดเป็น 48.5%

2.สหรัฐอเมริกา มูลค่า1,611 ล้านบาท คิดเป็น 4.4%

3.ฝรั่งเศส มูลค่า 1,431 ล้านบาท คิดเป็น 3.9%

4.รัสเซีย จำนวน 1,361 ล้านบาท คิดเป็น 3.7%

5.พม่า จำนวน 1,342 ล้านบาท คิดเป็น 3.6%

พบว่า สัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของผู้ซื้อชาวจีนได้ปรับลดลงเหลือประมาณ 50% จากที่ในปีช่วงก่อนหน้าอยู่ที่ประมาณ 55-60% ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจาการดำเนินนโยบาย Zero-COVID ในประเทศจีน ทำให้การเดินทางของชาวจีนมีข้อจำกัดในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ชาวต่างชาติในกลุ่มประเทศรัสเซีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกาเริ่มมีสัดส่วนที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน และเป็นที่น่าสนใจอย่างมากอีกเช่นกันที่เราได้เห็นตัวเลขของหลายประเทศในกลุ่ม ASEAN ที่แม้ว่าจะมีจำนวนหน่วยและมูลค่าการซื้อไม่มากนัก แต่กลับมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดปรับเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญ ดังเช่น ชาวเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม รวมถึงชาวมาเลเซียที่มีการเข้ามาซื้อห้องชุดไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

ปรากฏการณ์เช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นอานิสงส์ที่ได้รับจาการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและประเทศต่างๆ มากขึ้น ดังนั้นจึงอาจคาดการณ์ได้หากประเทศจีนเปิดประเทศในช่วงต้นปี 2566 น่าจะช่วยให้ตลาดอาคารชุดไทยสำหรับคนต่างชาติของไทยสามารถเติบโตได้อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี สมุทรปราการ ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยการโอนส่วนใหญ่จะอยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพฯ จำนวน 3,325 หน่วย คิดเป็น 45.6% และชลบุรี จำนวน 2,155 หน่วย คิดเป็น 29.6% ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันสูงถึง 75.2% ของทั่วประเทศ

ขณะที่จังหวัดที่มีจำนวนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต สมุทรปราการ และเชียงใหม่ ส่วนใหญ่จะอยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพฯ มีมูลค่า 25,030 ล้านบาท คิดเป็น 67.7% และชลบุรี มีมูลค่า 6,181 ล้านบาท คิดเป็น 16.7% ตามลำดับ ทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนมูลค่ารวมกันสูงถึง 84.4% ของทั่วประเทศ