บีโอไอเปิดตัว “LTR Visa” เปิดทางต่างชาติศักยภาพสูงพำนักในไทยยาว 10 ปี ภาคอสังหาฯรอลุ้นปลดล็อคให้ต่างชาติซื้อบ้านพร้อมที่ดินได้
LTR Visa หรือ Long – Term Resident Visa: LTR Visa ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 โดยหม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทยและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดตัววีซ่าประเภทใหม่นี้ว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนต่างชาติ เพื่อดึงดูดให้เข้ามาตั้งฐานธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
LTR Visa มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดผู้พำนักชาวต่างชาติกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านทักษะและความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผู้ที่มีความมั่งคั่ง รวมไปถึงกลุ่มคนที่ต้องการทำงานจากที่ไหนก็ได้ในโลก ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของนักเดินทางท่องเที่ยว และผู้ที่เดินทางเพื่อการทำงานจากทั่วโลก
“ประเทศไทย อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ที่ต้องเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หลังจากได้รับผลกระทบจากโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเปิดประเทศรับชาวต่างชาติอีกครั้ง เรามีเป้าหมายไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง รวมถึงการดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้ามา เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน และ LTR Visa ถือเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย” ม.ล.ชโยทิตกล่าว
ทางด้านนางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า สำหรับ LTR Visa จะให้สิทธิประโยชน์กับบุคลากรชาวต่างชาติ 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
1.ผู้มีความมั่งคั่งสูง ต้องมีทรัพย์สินมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐ/ปี และลงทุนในไทยไม่น้อยกว่า 500,000 เหรียญสหรัฐ
2.ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ ต้องมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐ/ปี กรณีรายได้ต่ำกว่าที่กำหนด ต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 250,000 เหรียญสหรัฐ ในพันธบัตรรัฐบาล หรืออสังหาริมทรัพย์
3.ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย ต้องมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐ/ปี กรณีรายได้ต่ำกว่าที่กำหนด ต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป หรือครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา หรือได้รับเงินทุน Series A
4.ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐ/ปี กรณีรายได้ต่ำกว่าที่กำหนด ต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไปในสาขาวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีหรือมีความเชี่ยวชาญในสายงานที่เข้ามาทำในประเทศไทย
สำหรับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือ LTR Visa จะได้สิทธิพำนักในประเทศไทย 10 ปี สามารถใช้ช่องทางพิเศษ (Fast Track) ในการเข้าออกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ รายงานตัวทุก 1 ปี (จากเดิมทุก 90 วัน) และไม่ต้องยื่นขออนุญาตกลับเข้ามาในราชอาณาจักร (Re-entry permit) อนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย โดยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 17 สำหรับกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ และมีผู้ติดตามได้ 4 คน
“วีซ่าประเภทใหม่นี้ คาดว่าจะดึงดูดผู้พำนักชาวต่างชาติกลุ่มใหม่ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี รวมถึงผู้มีทักษะและความเชี่ยวชาญ เพื่อมากระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุน และช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยบีโอไอรับหน้าที่กลั่นกรองคุณสมบัติของผู้ขอวีซ่าประเภทใหม่นี้ ผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอทางระบบออนไลน์ได้ที่ https://ltr.boi.go.th” นางสาวดวงใจกล่าว
ทั้งนี้ได้มีการตั้งเป้าหมายกันเอาไว้ว่าจะมีชาวต่างชาติจาก 4 กลุ่มหลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 1 ล้านคน ใน 5 ปี สนับสนุนไทยก้าวสู่ประเทศเศรษฐกิจใหม่ โดยได้ประมาณการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับจากเม็ดเงินการใช้จ่ายในประเทศของ 1 ล้านล้านบาท มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในระบบเศรษฐกิจภายใน 5 ปี จำนวน 750,000 ล้านบาท และรัฐสามารถจัดเก็บภาษีเพิ่มจากผู้ถือวีซ่าในกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษจำนวน 4 แสนคนอีก 250,000 ล้านบาท รวมแล้วรัฐเล็งผลเลิศที่จะมีรายได้เข้าประเทศรวมทั้งสิ้น 2 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ยังช่วยผลักดันให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว จากการที่มีชาวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐบาลกำลังปลดล็อคเปิดทางให้ชาวต่างชาติทั้ง 4 กลุ่ม สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ในเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ โดยจะต้องนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรวมกันมากกว่า 40 ล้านบาทอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น
เมื่อมี LTR Visa เปิดให้ชาวต่างชาติพำนักในไทยได้ยาวๆ 10 ปีแล้ว สเต็ปต่อไปกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชาวต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยได้คงจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แน่นอน