fbpx
บ้านศุภราช

ศุภาลัย ปิดจ๊อบครึ่งปีแรก ยอดขาย-รายได้-กำไร โตแรง พร้อมลุยเปิด 21 โครงการใหม่

ศุภาลัย เผยผลประกอบการในครึ่งแรกปี 2565 กวาดยอดขาย 18,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% รายได้ 14,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% และมีกำไร 3,253 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.70 บาท ครึ่งปีหลังพร้อมลุยเปิดโครงการใหม่อีก 21 โครงการ มูลค่ารวม 19,290 ล้าน

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทสามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งยอดขาย รายได้ และยอดโอนกรรมสิทธิ์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่โครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมที่กระจายไปในหลายทำเลมีการเติบโตดีมาก เนื่องจากลูกค้าได้เห็นสินค้าจริง ในราคาที่จับต้องได้ ส่งผลดีต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัท และยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในมืออีก 23,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมกว่า 15,800 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 7,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเข้ามารองรับการเติบโตของยอดขายในครึ่งปีหลัง

“สัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของยอดผู้เข้าชมโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียมเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ โดยมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ พร้อมแบบบ้านใหม่ ฟังก์ชันใหม่ กับโครงการแนวราบอย่างศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว – แม่ริม โครงการสุดหรูสไตล์อิตาลี ท่ามกลางขุนเขา หนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ลอฟท์ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบสไตล์ลอฟท์ 2 โครงการ คือ ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ และ ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ – วงศ์สว่าง ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากลูกค้า ส่งผลให้บริษัททำผลงานได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้”

สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก 2565 บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่แล้วทั้งหมด 13 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ 11 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 20,710 ล้านบาท ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างดีในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย มียอดขายรวม อยู่ที่ 18,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มียอดขายอยู่ที่ 13,005 ล้านบาท และคิดเป็น 65% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าบริษัทมีโอกาสที่ทำยอดขายในปี 2565 ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถทำรายได้และกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากทําสถิติรายได้และกำไรสูงสุดไปแล้วในปี 2564 โดยในครึ่งแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 14,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์โฮม 55% และคอนโดมิเนียม 45% และมีกำไรสุทธิ 3,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ส่งผลให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 59% และมีการบริหารจัดการกระแสเงินสด โดยมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อีกประมาณ 27,962 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2565 คาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 จำนวน 13,695 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จส่งมอบโครงการให้ลูกค้ารวมทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมมูลค่า 15,820 ล้านบาท

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 23 ส.ค. 65 และจ่ายปันผลวันที่ 7 ก.ย. 65

นายไตรเตชะ กล่าวอีกว่า บริษัทมั่นใจในครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดอสังหาฯยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการสินค้าระดับกลางและบนที่ยังไปได้ดีในสินค้าแนวราบ ส่วนคอนโดมิเนียมต้องเจาะลึกเป็นรายเซ็กเมนต์ และเตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง รวม 21 โครงการ มูลค่ารวม 19,290 ล้านบาท สะท้อนจากยอดขายสินค้าแนวราบที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก จึงมีแผนโฟกัสเปิดตัวโครงการแนวราบ 20 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และเปิดตัวแบรนด์ใหม่ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมลุยเปิดตลาดในจังหวัดใหม่ๆ ในทำเลศักยภาพ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค สำหรับโครงการแนวราบเปิดเพิ่ม 2 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา นครสวรรค์ และเตรียมเปิดคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่อีกด้วย

“ถึงแม้ปี 2565 จะเป็นปีที่ท้าทายของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมั่นใจสามารถรับมือกับความผันผวนของสถานการณ์ได้ และสามารถปรับแผนกลยุทธ์ที่รวดเร็ว ด้วยสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนต่อไป” นายไตรเตชะกล่าว